แม้เฟดยังส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคที่เป็นลบ ทำให้ต้องติดตามการฟื้นตัว โดยมีแนวต้าน 1380 และบริเวณ 1390 จุด เป็นจุดติดตาม หากจะกลับมาเป็นสัญญาณที่ดี ต้องขึ้นทะลุผ่านก่อน มิฉะนั้น ในภาพรวมยังเป็นสัญญาณลบ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1365 จุด หากต่ำกว่า มีโอกาสลงหาจุดต่ำเดิมอีกครั้งบริเวณ 1350 จุด
ประเด็นสำคัญ
• Fed มีมติคง ดบ. ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ยังคงเดิมที่บ่งชี้ปรับลด ดบ. 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ด้าน ปธ. Fed ระบุแม้เงินเฟ้อที่ออกมาสูงเกินคาดแต่ยังไม่เปลี่ยนมุมมอง Fed ที่ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด จากการที่สหรัฐส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันยังคงเพิ่มปริมาณการกลั่น
• วันนี้ติดตามการประชุม BoE คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคง ดบ. ที่ 5.25% ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า BoE จะปรับลด ดบ. ในปีนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ต่ำกว่าคาด และชะลอตัวจาก ม.ค.
• Intel Corp. ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐตามกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ มูลค่า 8.5 พันล้านเหรียญ เพื่อใช้ขยายธุรกิจชิปในสหรัฐ
• หุ้น Tesla ปรับขึ้น 2.5%DoD หลังจากบริษัทยืนยันว่าจะปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y ที่ผลิตในจีนอีก 5,000 หยวน (694.55 เหรียญ) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป
• PTTEP ระบุอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 67 สามารถผลิตได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามเป้าหมายเป็นครั้งแรกแล้ว ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 1 เม.ย.
• บจ. เซ็นทรัลฟู้ดรีเทลในเครือ CRC เตรียมขยายธุรกิจมินิซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยภายใต้แบรนด์ท็อปส์เดลี่ ตั้งเป้าการเพิ่มขึ้นของแฟรนไชส์เป็น 45% จากเดิม 30% ของสาขาทั้งหมด
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องและลุ้นกลับมายืนเหนือ 1400 จุด โดยในประเทศจะมีความคาดหวังต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ ขณะที่ต่างประเทศการประชุมนโยบายการเงินของ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด พร้อมเปิดเผย Dot Plot ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องและลุ้นกลับมายืนเหนือ 1400 หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายและส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรจากราคาหุ้น Laggard, มีแนวโน้มจ่ายปันผลดีและให้ Div. payout ratio เพิ่มขึ้น และมีโอกาสซื้อขายด้วย PER Multiple สูงขึ้น เลือก กลุ่มแบงก์ (BBL KBANK) กลุ่มอสังหา (AP) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC)
2) หุ้นเก็งกำไรเชิงเทคนิคหลังราคหุ้น Breakout Downtrend และเริ่มเห็น NVDR พลิกกลับมา Net Buy ในเดือน มี.ค. เลือก IVL GULF BDMS
3) หุ้นเก็งกำไรจากคาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับ Top Pick 2Q67 เลือก AOT GFPT GULF KCE SCGP
4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง เลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC
DAILY TOP PICKS
GPSC ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ GPSC ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนพลังงานและกำไรที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าทั่วไป จะหนุนให้ปี 2567 กำไรปกติจเติบโตแข็งแกร่ง 49%YoY
TIDLOR มองกำไรจะฟื้นตัวแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดกำไรปกติจะพลิกเติบโตดี 18.7%YoY หนุนจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี และ credit cost ที่ลดลงหลังจาก NPL เกิดใหม่น่าจะทำจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2566 ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรโตต่อ 25%YoY หลักๆ เกิดจาก credit cost ที่ลดลง
ข่าวเด่น