SET สัญญาณเทคนิคดูอ่อนแรง และเป็นลบ ทำให้การฟื้นตัวยังถูกจำกัดที่กรอบบนบริเวณแนวต้าน 1380 และ 1390 จุด ตามลำดับ ขณะที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด และบริเวณจุดต่ำเดิม 1350 จุด ที่มีความเสี่ยงลงมาทดสอบได้
ประเด็นสำคัญ
• ปธ. Fed แอตแลนตา คาด Fed จะปรับลด ดบ. ลง 0.25% เพียงครั้งเดียวในปีนี้ เพราะเงินเฟ้อและข้อมูล ศก. ของสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด
• รัสเซียสั่งให้บริษัทต่างๆ ปรับลดการผลิตน้ำมันใน 2Q67 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตที่ระดับ 9 ล้านบาร์เรล/วันภายในสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ ขณะที่ตลาดคาดการที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย กระทบต่อการกลั่นน้ำมันของรัสเซียถึง 10%
• วานนี้ ธพ. ใหญ่ของรัฐบาลจีนเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินหยวนจีนในตลาด onshore เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงินหยวนหลังจากค่าเงินหยวนปรับตัวลดลงอย่างหนัก
• คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งสอบสวน 5 กรณีต่อ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ ได้แก่ Apple Inc., Alphabet Inc. และ Meta Platforms Inc. ภายใต้กฎหมายควบคุมตลาดดิจิทัลของ EU (DMA)
• วานนี้ราคาหุ้น Intel และ AMD ปรับตัวลง หลังมีข่าวจีนได้บังคับใช้กฎระเบียบใหม่เพื่อนำไปสู่การเลิกใช้หน่วยประมวลผลจากสหรัฐในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาลจีน ด้วยการสกัดการใช้ชิปของ Intel และ AMD ของสหรัฐ
• รมช.คลัง แถลงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยัน 4Q67 ประชาชนจะได้รับเงิน 1 หมื่นบาท รวม 50 ล้านคน โดยบอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่จะประชุมสรุปรายละเอียดทั้งหมดในวันที่ 10 เม.ย. ก่อนส่งเรื่องให้ ครม. พิจารณา
• วันนี้วุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านลบ. และจะลงมติในวันเดียวกัน จากนั้นรัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้กลางเดือน เม.ย.นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว หลังเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัวในภาคการผลิตและการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลบวกให้ดัชนีภาคอุตสาหกรรม (MPI) ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากเดือน ม.ค. ที่ปรับตัวลดลง 2.9%YoY ขณะที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เป็นไปตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนดีขึ้นและเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายการเงิน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรหลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นทะลุ US$85 /bbl จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยลดลงหนุนอุปสงค์ ด้านอุปทานได้ผลบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยผู้รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ Trading PTTEP (ราคาน้ำมันระยะยาวเพิ่มทุก US$1 /bbl บวกต่อราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น) และ TOP (ค่าการกลั่นและกำไรสต๊อก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)
2) หุ้นเก็งกำไรจากภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มกำลังจะปรับตัวลง เลือก กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR) กลุ่มสาธารณูปโภค (GULF) กลุ่มขนส่ง (AOT)
3) หุ้นเก็งกำไรเชิงเทคนิคหลังราคาหุ้น Breakout Downtrend และเริ่มเห็น NVDR พลิกกลับมา Net Buy ในเดือน มี.ค. เลือก IVL GULF PTTGC GPSC
DAILY TOP PICKS
BCP มองได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คาด 1Q67 กำไรได้แรงหนุนจาก GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นและราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดปี 2567 กำไรปกติโต 12%YoY จากส่วนแบ่งกำไร BSRC และธุรกิจ E&P ที่ดีขึ้น อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง PER 67F < 5 เท่า แนะนำซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 44.50 บ.
AP เป็นหุ้นเด่นกลุ่มอสังหาฯ โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 6.3 พันลบ. เติบโต 4.8%YoY แรงสนับสนุนจะมาจากการเติบโตและ backlog ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมองเป็นหุ้นที่มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี โดยคาดให้ Div. Yield เฉลี่ยสูงราวปีละ 6.9%
ข่าวเด่น