เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แนวโน้มยังดูอ่อนแรง"


SET ยังดูอ่อนแรง ทำให้การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้าน 1385 และ 1390 จุด ตามลำดับ ขณะที่ sentiment ลบ ของตลาดหุ้นสหรัฐ และความไม่แน่นอนต่อช่วงเวลาการลดดอกเบี้ยของเฟด เป็นปัจจัยลบต่อดัชนีให้อ่อนตัวได้ โดยมีแนวรับที่ 1368 เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด

ประเด็นสำคัญ

• ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ก.พ. ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.756 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาด บ่งชี้ ศก. และตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แต่ทำให้ตลาดกังวล Fed อาจชะลอเวลาปรับลด ดบ.

• มีรายงานพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ที่รัฐเท็กซัสของสหรัฐ นับเป็นรายที่ 2 ของ ปท. ในรอบหลายปี หลังจากพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อปี 2565 ที่รัฐโคโรลาโด และน่าจะเป็นรายแรกของ ปท. ที่ติดเชื้อมาจากวัว

• วานนี้ ธพ. รายใหญ่ของรัฐบาลจีนได้ดำเนินการเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินหยวนจีนในตลาด Onshore วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอีก

• UBS ประกาศโครงการซื้อคืนหุ้นคืนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญ โดยคาดการซื้อหุ้นคืน 1 พันล้านเหรียญจะเกิดขึ้นในปีนี้ หลังเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการระหว่าง UBS และ Credit Suisse ซึ่งคาดจะเกิดขึ้นใน 2Q67

• วานนี้ราคาหุ้น Tesla ปรับลง 4.9%DoD หลังตัวเลขการผลิตรถยนต์ใน 1Q67 ลดลง 1.7%YoY และการส่งมอบรถยนต์ลดลง 8.5%YoY ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563

• ครม. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลางซึ่งได้เพิ่มงบขาดดุลปีงบประมาณ 68 เพิ่มขึ้นอีก 1.572 แสนลบ. จากเดิมตั้งไว้ 7.13 แสนลบ. โดยจะนัดประชุม 4 หน่วยงานทำงบปี 68 ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนเสนอรายละเอียดให้ ครม. พิจารณาในสัปดาห์หน้า

• ครม.อนุมัติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ. นำร่อง 10 จังหวัดท่องเที่ยว เตรียมประกาศมีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. พร้อมอนุมัติปรับเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ ให้ชนเพดาน 11,000 บ. ต่อเดือน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐจะฟื้นตัว อีกทั้งเงินเฟ้อของไทยคาดยังอยู่ในระดับต่ำเพียงพอที่จะคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐจะฟื้นตัว ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรหลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นทะลุ US$85 /bbl จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยลดลงหนุนอุปสงค์ ด้านอุปทานได้ผลบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดรหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยผู้รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ Trading PTTEP (ราคาน้ำมันระยะยาวเพิ่มทุก US$1 /bbl  บวกต่อราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น) และ TOP (ค่าการกลั่นและกำไรสต๊อก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก GFPT KCE SCGP IVL PTTGC

3) หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่จะดีขึ้นตามผลฤดูกาล เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทย ซึ่งปีนี้รัฐบาลประกาศจัด 21 วัน เริ่ม 1-21 เม.ย.นี้ (จากข้อมูลในอดีต 13 ปีทีผ่านมาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือน เม.ย. เฉลี่ยราว 2.5%MoM) เลือก AOT ERW MINT CPALL

4) หุ้นเก็งกำไรจากภาวะดอกเบี้ยที่จะกำลังปรับตัวลง โดยเฉพาะหากอัตราเงินเฟ้อไทย มี.ค. ยังรายงานมาอยู่ในระดับต่ำ เลือก กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR) กลุ่มสาธารณูปโภค (GULF) กลุ่มขนส่ง (AOT)

DAILY TOP PICKS

GFPT มองได้ Sentiment บวกจากความกังวลพบการระบาดไข้หวัดนกในสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งส่งออกไก่ของไทย คาดผลดำเนินงาน 1Q67 จะเติบโต YoY และ QoQ ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในกลุ่มอาหาร หนุนจากการส่งออกไก่เนื้อที่มีมาร์จิ้นสูงได้มากขึ้น ราคาไก่เนื้อใน ปท. ดีขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง

PTTEP มองได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น โดย Brent +1.72%DoD ปิดที่ US$88.92/bbl หลังกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัว ผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมทั้งยูเครนและรัสเซียยังเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของแต่ละฝ่าย ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 156 บ.
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 เม.ย. 2567 เวลา : 10:56:29
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 9:20 am