ตัวแทนจาก Newton Investment Management (Newton: นิวตัน) ให้ความเห็นว่า ทั่วโลกมองทิศทางการเติบโตในเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยว เทคโนโลยี และบริการสุขภาพ ของประเทศไทย โดยนักลงทุนชาวไทยจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในตราสารทุนระหว่างประเทศ เนื่องจากคาดการณ์ว่ารายรับจากตลาดต่างชาติจะโตขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
คุณยวน มันโร (Euan Munro) ซีอีโอของ Newton Investment Management เน้นย้ำถึงโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมาจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2567 และความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก
เศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่มีความสำคัญมากในด้านการเมืองของโลก เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึงร้อยละ 40 ของประชากรโลก คิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกทั้งหมด จะเข้าร่วมการเลือกตั้งในปี 2567 ซึ่งความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดนานาชาติได้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ คาดว่าจะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในเวทีโลก วิธีที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ จะจัดการความสัมพันธ์กับประเทศจีน จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงทางการค้าทั่วโลก
คุณยวน กล่าวว่า “เรามองว่าการแข่งขันของมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น กำลังสร้างโอกาสให้กับประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศไทย” และกล่าวเสริมถึงผลกระทบที่อาจเกิดว่า “ในขณะที่บริษัทต่างๆ พยายามที่กระจายห่วงโซ่อุปทานของตน เราเชื่อว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านห่วงโซ่อุปทานมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น”
ภาพรวมอัตราดอกเบี้ย
จากเดิมที่ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 2567 ได้เปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงเป็นเวลาต่อเนื่องนานขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างแข็งค่าจนถึงขณะนี้ ซึ่งตลาดในปัจจุบันได้คำนวณมูลค่าโดยคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นสามครั้งก่อนสิ้นปี 2567 อย่างไรก็ดี Newton เชื่อว่าการปรับลดอาจมีเพียงสองครั้งเท่านั้น
คุณยวน ได้ให้ความเห็นว่า “มุมมองของเราแตกต่างจากตลาดอย่างมากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเดิมตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึงเจ็ดหรือแปดครั้งและเราไม่เห็นด้วย ข้อสงสัยนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเรามองไว้ถูกต้อง”
ในด้านอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน คุณยวนมองว่า “เนื่องจากเอเชียไม่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการกู้ยืมของรัฐบาลที่มากเกินไป ซึ่งต่างจากสหรัฐฯ และยุโรปได้สร้างขึ้นไว้ในงบดุลช่วงโควิด-19 ดังนั้นเราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรปจะเริ่มลดลง ในขณะที่ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่น เราอาจเริ่มเห็นอัตราดอกเบี้ยเคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่าง ซึ่งอาจส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในอนาคต”
ตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้ค่าเงินเยนของประเทศญี่ปุ่นมีความสามารถในการแข่งขันสูง ซึ่งจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัว Newton มองว่าตราสารทุนของญี่ปุ่น หรือหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กภายในประเทศ ปัจจุบันมีราคาต่ำมาก นักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ญี่ปุ่นจึงน่าจะได้รับประโยชน์จากราคาสินทรัพย์และสกุลเงินที่เพิ่มขึ้นนี้
ด้านประเทศอินเดียซึ่งได้แสดงผลการการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา แง่หนึ่งอาจมองได้ว่าอินเดียได้รับประโยชน์จากสถานการณ์สงครามในประเทศยูเครน เนื่องจากสามารถซื้อพลังงานราคาถูกมากจากรัสเซีย ราคาพลังงานที่ถูก ประกอบกับการเติบโตที่แข็งแกร่งและการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยได้ผลักดันให้ตลาดอินเดียเติบโต ถึงแม้ว่าจะยังคงมีบริษัทที่น่าสนใจในประเทศอินเดียอยู่ แต่คุณยวนมองว่าสินทรัพย์อินเดียอาจเริ่มมีราคาแพง
คุณยวน ยังได้ให้ความเห็นต่อประเทศจีนว่าได้กำลังเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจจากที่เคยขับเคลื่อนด้วยการส่งออก มาเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศมากยิ่งขึ้น บริษัทที่มุ่งให้บริการตลาดภายในประเทศจีน เช่น บริษัทประกันภัยบางแห่ง จึงมีความน่าสนใจและยังคงซื้อขายด้วยมูลค่าที่ต่ำมากเมื่อมองในด้านจำนวนเท่าของมูลค่าต่อรายรับบริษัท
ทิศทางเชิงบวกในภาคการท่องเที่ยว เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมบริการสุขภาพของประเทศไทย
ในมุมมองภาพรวม คุณยวน กล่าวว่า Newton ได้มองเห็นทิศทางเชิงบวกต่อการฟื้นตัวตามวัฏจักรของประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวได้กลับมาใกล้เคียงกับระดับก่อน Covid-19 ซึ่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนตลาดในภาคการการโรงแรมและการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนหย่อนใจให้เติบโตมากขึ้น
คุณยวน แสดงความเห็นว่า “เรามองเห็นโอกาสที่น่าสนใจในภาคเทคโนโลยีของประเทศไทย เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ประเทศไทย เกาหลี และญี่ปุ่น มีความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างซอฟต์แวร์และเครื่องจักรกลต่างๆ ได้ดีกว่า และเราเชื่อว่านี่คือโอกาสที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียก้าวสู่การเติบโตอย่างเต็มที่ ก็ยังมีโอกาสที่ซ่อนอยู่สำหรับกลุ่มบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างรายรับ ซึ่งนำเสนอผลตอบแทนที่น่าดึงดูด”
“แม้สหรัฐฯ และจีนเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะด้านซอฟต์แวร์ แต่เราเชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีในระยะต่อไปจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเครื่องจักรกลและซอฟต์แวร์ เช่น เทคโนโลยีด้าน Internet of Things (IoT) และเครื่องจักรกลอัจฉริยะต่างๆ ซึ่งประเทศไทยมีความสามารถในด้านนี้ ตัวอย่างเช่นการเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบต่างๆ ทำให้ไทยได้ประโยชน์จากแนวโน้มการพัฒนานี้” คุณยวน กล่าวเสริม
อีกภาคส่วนที่ Newton มองในเชิงบวกคือภาคการแพทย์ของประเทศไทย โดยมองว่าอุตสาหกรรมบริการสุขภาพของประเทศไทยมีทั้งทักษะที่ดี และราคาที่แข่งขันได้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวด้านสุขภาพจากต่างประเทศ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของบริษัทต่างๆ ในภาคส่วนนี้
มุมมองด้านการจัดการสินทรัพย์
นักลงทุนชาวไทยที่สนใจที่จะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้น แม้ว่ากลยุทธ์ในการจัดการสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละนักลงทุน แต่คำแนะนำที่สำคัญที่สุดจากคุณยวน ต่อนักลงทุน คือให้มุ่งเน้นด้านการกระจายความเสี่ยง การสร้างรายได้จากกลุ่มสินทรัพย์ทุนทั่วโลก หรือ Global equity income อาจเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ควรรวมไว้ในพอร์ตโฟลิโอ
ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ในตลาดสหรัฐฯ มีการซื้อขายด้วยปริมาณจำนวนเท่าของมูลค่าต่อกำไรที่สูงมากในปัจจุบัน Newton จึงแนะนำให้นักลงทุนหันพิจารณาบริษัทในประเทศอื่นๆ ด้วย
เนื่องจากเรากำลังอยู่ในโลกที่มีการเติบโตค่อนข้างต่ำและอัตราเงินเฟ้อสูง การลงทุนในพันธบัตรจึงไม่ได้ให้ความคุ้มครองต่อนักลงทุนมากนัก คุณยวนจึงสรุปคำแนะนำต่อนักลงทุนว่า “เมื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.5 นักลงทุนไทยจะได้รับประโยชน์มากกว่าจากการลงทุนในตราสารทุนระหว่างประเทศ เพราะรายได้จากตราสารทุนจะเต็บโตก้าวตามอัตราเงินเฟ้อ เราอาจจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในภาคส่วนบริการการแพทย์ของประเทศไทย แต่จะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์ของแต่ละนักลงทุน”
ข่าวเด่น