คาด SET ได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หนุนราคาน้ำมันปรับขึ้น สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ กระทบต่อความไม่แน่นอนเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1368 จุด หากต่ำกว่า จะเปิดด้าน downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1377 และ 1385 จุด
ประเด็นสำคัญ
• จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.21 แสนราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และสูงกว่าตลาดคาด ขณะที่สหรัฐมีผลขาดดุลการค้า ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 6.89 หมื่นล้านเหรียญ สูงกว่าตลาดคาด
• วานนี้ จนท. ของ Fed หลายรายได้ออกมาส่งสัญญาณว่า Fed ไม่ควรเร่งปรับลด ดบ. หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
• วานนี้ราคาน้ำมัน WTI +1.36%DoD ปิดที่ 86.59 ดอลลาร์/บาร์เรล และ Brent +1.45%DoD ปิดที่ 90.65 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ 20 ต.ค. 66 หนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว
• สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยระบุ 1Q67 ยอดระดมทุนตลาดหุ้นกู้อยู่ที่ 2.7 แสนลบ. หดตัว 24%YoY จาก ดบ. สูง ธุรกิจขนาดใหญ่ระดมทุนช่องทางอื่นๆ แทน และกังวลหุ้นกู้ผิดนัดชำระ อย่างไรก็ดีคาดยอดออกหุ้นกู้ปีนี้อยู่ที่ระดับล้านลบ. จากแนวโน้ม ดบ. ปรับลงช่วงครึ่งปีหลัง
• สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยคาดปีนี้การผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.9 ล้านคัน เติบโต 3.17%YoY แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 0.75 ล้านคัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน จากแนวโน้มส่งออกที่ดี โดยเฉพาะตะวันออกกลางและออสเตรเลีย
• CEO ใหญ่ Microsoft เตรียมเยือนไทย 1 พ.ค.นี้ หารือนายกฯ ลงทุนดาต้าเซนเตอร์ คลาวด์ เอไอ มูลค่ากว่าแสนลบ. หลังประกาศแผนลงทุนกับไทย โดยมีการลงนาม MOU ร่วมกันแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐจะฟื้นตัว อีกทั้งเงินเฟ้อของไทยคาดยังอยู่ในระดับต่ำเพียงพอที่จะคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐจะฟื้นตัว ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรหลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นทะลุ US$85 /bbl จากกังวลเศรษฐกิจถดถอยลดลงหนุนอุปสงค์ ด้านอุปทานได้ผลบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดรหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยผู้รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ Trading PTTEP (ราคาน้ำมันระยะยาวเพิ่มทุก US$1 /bbl บวกต่อราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น) และ TOP (ค่าการกลั่นและกำไรสต๊อก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก GFPT KCE SCGP IVL PTTGC
3) หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่จะดีขึ้นตามผลฤดูกาล เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ไทย ซึ่งปีนี้รัฐบาลประกาศจัด 21 วัน เริ่ม 1-21 เม.ย.นี้ (จากข้อมูลในอดีต 13 ปีทีผ่านมาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือน เม.ย. เฉลี่ยราว 2.5%MoM) เลือก AOT ERW MINT CPALL
4) หุ้นเก็งกำไรจากภาวะดอกเบี้ยที่จะกำลังปรับตัวลง โดยเฉพาะหากอัตราเงินเฟ้อไทย มี.ค. ยังรายงานมาอยู่ในระดับต่ำ เลือก กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR) กลุ่มสาธารณูปโภค (GULF) กลุ่มขนส่ง (AOT)
DAILY TOP PICKS
CPALL มองได้อานิสงส์บวกจากอากาศร้อนจัดและเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคาดกระตุ้นยอดขายเติบโตมากขึ้น ขณะที่ 1Q67 คาดกำไรจะเติบโตแข็งแกร่ง YoY แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นของธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT หลัง ดบ. จ่ายลดลงจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จช่วงปลาย ม.ค.
BEM มองกำไรมีโมเมนตัมฟื้นตัวดีสุดในกลุ่มขนส่งทางบก อีกทั้งยังเห็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นที่จะทยอยเข้ามา เช่น การปรับขึ้นค่าโดยสาร MRT ซึ่งคาดจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต้นเดือน มิ.ย. 67, ข้อสรุปโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (double deck) ใน 2H67
ข่าวเด่น