ปรากฏการณ์โชว์ฟินเทคระดับโลกของ Money 20/20 ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโชว์ด้านการเงินที่ขับเคลื่อนและสร้างธุรกิจ ที่เตรียมเปิดประตูบานใหม่สู่ “Money 20/20 Asia” ครั้งแรกของเอเชีย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 23 – 25 เมษายน 2567 ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่ 3 ที่ได้รับความไว้วางใจในการจัดงานดังกล่าว ต่อจากลาสเวกัส และอัมสเตอร์ดัม ที่ดึงดูดผู้คร่ำหวอดด้านฟินเทค และบริการทางการเงินกว่า 20,000 คน เข้าร่วมงานทุกปี พร้อมปักหลักจัดที่ “ศูนย์ฯ สิริกิติ์” นาน 3 ปี
Money 20/20 Asia รวมวิทยากรชั้นนำจากอุตสาหกรรมการเงินกว่า 250 คน ที่จะมาแบ่งปันที่สุดของประสบการณ์บน 4 เวทีหลัก ทั้ง อาเมียร์ อิบราฮิม (Aamir Ibrahim) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Jazz, Jazz Telco และ Jazz Cash ชาร์ลส์ หลี่ (Charles Li) ผู้ก่อตั้ง และประธาน Micro Connect ธุรกิจสตาร์ตอัปกู้ยืมเงินระดับยูนิคอร์นรายล่าสุดของฮ่องกงที่ได้รับการสนับสนุนโดยมหาเศรษฐีพันล้านอย่าง เหลย์ ก๊าเส่ง (Li Ka-shing) เอเดรียน เชง (Adrian Cheng) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ดารณี แซ่จู (Daranee Saeju) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงิน และคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และ เชตนา ซินฮา (Chetna Sinha) ผู้ก่อตั้ง และประธานธนาคาร Mann Deshi Mahila
“เอเชีย” เป็นภูมิภาคชั้นนำของโลกในเรื่องฟินเทค และการบริการทางการเงิน ด้วยเหตุนี้ กรุงเทพฯ จึงได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงาน Money 20/20 Asia ในการต้อนรับบุคลากรจากธุรกิจที่กำลังเติบโต หน่วยงานกำกับดูแล และนวัตกรด้านธุรกรรมการเงิน นอกจากนั้นยังตอกย้ำถึงสถานะที่โดดเด่นของเมืองไทย ในฐานะศูนย์กลางใหม่ของธุรกิจฟินเทคในเอเชียอีกด้วย
แดนนี่ เลวี่ รองประธานอาวุโส Money 20/20 Asia เผยว่า “เราเล็งเห็นศักยภาพเอเชียในฐานะ ‘ศูนย์กลางฟินเทค และบริการทางการเงินระดับโลกในอนาคต’ ‘ประเทศไทย’ ขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่โดดเด่น ด้วยโอกาสการลงทุนอย่างมีพลวัตและการขยายตัวแบบก้าวกระโดดของผู้ประกอบการ พร้อมกันนั้น เรายังได้เลือก ‘ศูนย์ฯ สิริกิติ์’ เป็นสถานที่จัดงาน ด้วยเหตุผลด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้มาตรฐานระดับโลก และตอบโจทย์ทุกความต้องการของการจัดงาน Money 20/20 Asia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นสถานที่ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วมงานที่ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทค มีพื้นที่รองรับเวทีแบ่งปันความรู้ และช่วงเสวนาของผู้บริหารระดับสูง และหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงพื้นที่รีเทลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เช่นเดียวกับสถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง ‘เดอะเวเนเชียน รีสอร์ท’ (The Venetian Resort) และศูนย์นิทรรศการ และการประชุม ‘ไร อัมสเตอร์ดัม’ (RAI Amsterdam)”
Money 20/20 Asia เต็มไปด้วยกิจกรรมน่าสนใจที่คัดสรรเฉพาะดาวเด่นจากผู้อยู่ในแวดวงการเงินในเอเชีย ครอบคลุมพื้นที่จัดงานกว่า 20,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย
· Industry Nights: ช่วงเวลากระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรในแวดวงฟินเทค สนุกไปกับดนตรีสดจากดีเจมืออาชีพ เพลิดเพลินกับค็อกเทลปาร์ตี้ เฉลิมฉลองความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อขยายเครือข่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
· Key Sessions – The Future of Fintech: พบกับผู้นำธุรกิจกว่า 250 ชีวิต ที่จะมาแบ่งปันแรงบันดาลใจ และแลกเปลี่ยนเบื้องลึกการทำธุรกิจ เติมเต็มกลยุทธ์ฝ่าฟันในโลกฟินเทคตลอดสามวัน
· Startup’s Hangout: พื้นที่ที่สตาร์ตอัปจะได้พบปะ เชื่อมโยง สนทนาเรื่องธุรกิจระหว่างสตาร์ตอัปด้วยกัน และสร้างโอกาสในการลงทุนร่วมกับเหล่านักลงทุนรายใหญ่ระดับโลก
· Trust Summit: พบกับเวทีเสวนาธุรกิจแบบเจาะลึกทุกข้อมูล จากประสบการณ์ของผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง และยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมจากองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากทั่วเอเชีย
· Money Arcade: เพลิดเพลินกับพื้นที่สร้างเครือข่ายที่สามารถเล่นเกม รับรางวัลเหรียญทอง และของที่ระลึกจากงาน Money 20/20 และอื่นๆ อีกมากมาย
· Global Headshot Lounge: ปลดล็อกศักยภาพในตัวคุณสู่อีกขั้นของการลุยธุรกิจฟินเทคแบบมืออาชีพ
· Standard Chartered Lounge: พบกับทีมงาน Standard Chartered ที่จัดในสไตล์สบาย ๆ เล่าถึงการเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่น่าตื่นเต้น
สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ฯ สิริกิติ์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ในการจัดโชว์ ‘Money 20/20 Asia’ ครั้งแรกของเอเชีย เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าพื้นที่ของเราจะสามารถเติมเต็มความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ให้กับผู้เข้าร่วมในแวดวงฟินเทค และตอบโจทย์ผู้จัดงาน นำไปสู่ความสำเร็จเช่นเดียวกับงานที่ ‘เดอะเวเนเชียน รีสอร์ท’ และศูนย์นิทรรศการและการประชุม ‘ไร อัมสเตอร์ดัม’ นอกจากนั้น Money 20/20 Asia ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอิเวนต์ของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวอีกด้วย”
ข่าวเด่น