บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เผยโค้งแรกปี 67 ยิ้มรับมาตรการรัฐหนุนกำลังซื้อ ยอดขายพุ่งรับช่วงเทศกาล ขณะที่ท่องเที่ยวคัมแบ็ก ดันผลงานทรงดี ชูร้านค้าปลีกท้องถิ่นชุมชนครอบคลุมโซนภาคเหนือตอนบน ปัจจุบันมี 45 สาขา เดินหน้าขยายอีก 6 สาขา คาดผลงานเข้าเป้า รายได้โต 10 – 15%
เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย ส่งซิกแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 ทิศทางดี มีนโยบายจากภาครัฐหนุนในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส กระตุ้นยอดขายต่อบิลสูงขึ้น อีกทั้งมีเทศกาลต่างๆ อาทิ ปีใหม่ ตรุษจีน ที่สร้างการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ อานิสงส์เทศกาลสงกรานต์กระตุ้นร้านค้าปลีกในท้องถิ่นจับจ่ายใช้สอยคึกคักต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2567
ปัจจุบัน ธนพิริยะมีสาขาครอบคลุมถึง 45 สาขา และมีแผนขยายอีก 6 สาขา หนุนสิ้นปีมี 51 สาขา ครอบคลุมจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และพะเยา โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าในชุมชน และนักท่องเที่ยวในทำเลในตัวเมืองหรือจุดที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบัน ธนพิริยะมีสินค้า 5 กลุ่ม คือ สินค้าใช้ในครัวเรือน เครื่องดื่มและขนม กลุ่มของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก เครื่องสำอางและอาหารเสริม และยังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
ทั้งนี้ล่าสุดมีประกาศจากภาครัฐ แถลงการณ์ความคืบหน้าของนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยให้สิทธิ์ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ผ่านวงเงิน 5 แสนล้านบาท โดยมีเงื่อนไขที่สามารถใช้กับร้านค้าขนาดเล็กในอำเภอ หรือตามชุมชนเท่านั้น และจะซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ไม่ได้ คาดว่าจะเริ่มโครงการในไตรมาส 4 ปี 67 นี้ นับเป็นโครงการเรือธงของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับร้านค้าปลีกในประเทศไทย ซึ่งธนพิริยะเตรียมพร้อมรับอานิสงส์ จากการมีร้านค้ากระจายอยู่ครอบคลุมโซนภาคเหนือตอนบน คาดว่าจะเป็นไฮไลท์ที่เข้ามากระตุ้นยอดขาย และมั่นใจเป้าหมายการเติบโตรายได้รวมปีนี้วางไว้ที่ 10-15%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด (เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567) ระบุว่า เราคาดกำไรสุทธิ ปี 2567 ที่ 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% YoY ผลจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 ส่งผลให้คาดรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้น 7.0% YoY และ คาดกำไรสุทธิ ปี 2568 ที่ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% YoY บนสมมุติฐาน การเติบโตของรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้น 3.0% YoY ตามการเปิดสาขาใหม่ พร้อมประเมินมูลค่าพื้นฐาน ปี 2567 ที่ 5.30 บาท (บนสมมุติฐาน ค่าเฉลี่ย PE ในอดีต ที่ 23.40 เท่า) พร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.045 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 1.34% ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 มีนาคม 2567 และจ่ายปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 แนะนำซื้อด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ไว้ที่ 5.30 บาท
ข่าวเด่น