เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "การฟื้นตัวเริ่มถูกจำกัด"


คาด SET การฟื้นตัวมีอัตราเร่งลดลง และกรอบบนเริ่มถูกจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1365 และ 1370 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1350 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1340 จุด ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคในภาพรวมยังเป็นลบ ทำให้ยังต้องระมัดระวังด้าน downside ของดัชนี

ประเด็นสำคัญ

• ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ เม.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 66

• FactSet ระบุการเก็บเกี่ยวพืชผลได้เป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ทำให้ราคาอาหารปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวสาลีลดลงเกือบ 10%YoY ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวโพดลดลงราว 6%YoY

• ยอดขาย iPhone ในจีน 1Q67 ลดลง 19.1% ขณะที่คู่แข่งหลักในจีนอย่างหัวเว่ยเติบโตขึ้น 69.1% ส่งสัญญาณถึงภัยคุกคามต่อส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลในจีน

• Tesla รายงาน 1Q67 มีรายได้รวม 21,301 ล้านเหรียญ ลดลง 9%YoY และกำไรต่อหุ้น (EPS) 0.34 เหรียญต่อหุ้น ลดลง 55%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด

• วานนี้นายกฯ และทีม รมต. ทุกพรรคแถลงร่วมผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต  หลัง ครม. เห็นชอบหลักเกณฑ์ 10 ข้อ เพื่อกระตุ้น ศก. กระจายการใช้จ่ายร้านค้า 878 อำเภอทั่ว ปท. ยืนยัน 4Q67 ปชช. ได้รับเงิน 1 หมื่นบ.

• ครม. มีมติอนุมัติยกเว้น VISA ให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว พำนักในไทยได้ถึง 60 วันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ก.ค. 67 คาดจะช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในภาวะเปราะบางและผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม ประกอบกับ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ที่คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ แม้ว่าทิศทางดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐจะมีสัญญาณฟื้นตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง จากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นที่สามารถลดความผันผวนและเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP ส่วน TOP สำหรับการ Trading (ทั้งนี้หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz ได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำ (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาปันผลดี (AP)

3) หุ้นที่คาดผลประกอบการ 1Q67 จะมีอัตราการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งจะประกาศในช่วง 2 สัปดาห์หน้านี้ เลือก SCGP HMPRO

4) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่ราคาปรับลงแรงเกินไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน แต่พื้นฐานยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง เลือก GPSC GULF SPRC CRC MTC

DAILY TOP PICKS

ERW มองผลประกอบการจะได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น โดย 1Q67 คาดกำไรปกติทำสถิติสูงสุดที่ 245 ลบ. จาก RevPar ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยแรงหนุนจาก ARR ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก อีกทั้งราคาหุ้นซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 2567 ที่ 11 เท่า หรือเกือบ -1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต

KCE มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จากกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 32%YoY จากการเติบโตที่ดีของ EV และเริ่มบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น ขณะที่ valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ PE mean
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 เม.ย. 2567 เวลา : 11:34:44
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 5:27 am