เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "กรอบบนยังถูกจำกัด"


คาด SET ยังมองการฟื้นตัวมีกรอบบนที่ถูกจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1370 และ 1377 จุด ตามลำดับ และมีแนวโน้มอ่อนตัวได้ หลัง bond yield สหรัฐปรับขึ้น เป็นลบต่อการเคลื่อนไหวในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านแนวรับอยู่ที่ 1355 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1350 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามรายงาน PCE สหรัฐในวันนี้

ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐรายงาน GDP 1Q67 (ครั้งที่ 1) +1.6%YoY ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าตลาดคาด +2.4%YoY ขณะที่ดัชนี  Core PCE 1Q67 ปรับขึ้น 3.7%YoY สูงกว่า 4Q66 ที่เพิ่มขึ้น 2.0%YoY ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปีเพิ่มขึ้นไปที่ 4.7% ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ภาวะ Stagflation อาจทำให้ Fed ปรับลด ดบ. เหลือเพียง 1 ครั้งในเดือน ธ.ค.

• นางเจเน็ต เยลเลน รมว. คลังสหรัฐเห็นว่า ศก. สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และคาดพาณิชย์อาจจะปรับเพิ่มประมาณการตัวเลข GDP หลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติม และเงินเฟ้อก็อาจจะชะลอตัวลงสู่ระดับปกติ

• ราคาหุ้น META ปรับลง 11%DoD หลัง นลท. กังวลยอดขาย 2Q67 คาดจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 3.78 หมื่นล้านเหรียญ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 3.83 หมื่นล้านเหรียญ

• ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ มี.ค. 67 ผลิตได้ 138,331 คัน ลดลง 23.08%YoY จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ลดลง 41.01% เนื่องจากมียอดขายลดลง 29%YoY จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อหลังหนี้ครัวเรือนสูงมากและ ศก. อ่อนแอ

• กนอ. ระบุ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 66-มี.ค.67) มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3,946 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 158,372 ลบ. เกินกว่าที่ กนอ. ตั้งไว้ 3,000 ไร่ ทำให้มีการทบทวนตั้งเป้ายอดขาย/เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ไร่

• สมาคมธนาคารไทย ประกาศลด ดบ. ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ให้กับลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง-SMEs เป็นเวลา 6 เดือน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในภาวะเปราะบางและผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม ประกอบกับ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ที่คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ แม้ว่าทิศทางดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐจะมีสัญญาณฟื้นตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง จากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นที่สามารถลดความผันผวนและเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้น เชิงพื้นฐานชอบ BCP ส่วน TOP สำหรับการ Trading (ทั้งนี้หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz ได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำ (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาฯ ปันผลดี (AP)

3) หุ้นที่คาดผลประกอบการ 1Q67 จะมีอัตราการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งจะประกาศในช่วง 2 สัปดาห์หน้านี้ เลือก SCGP HMPRO

DAILY TOP PICKS

PTTEP มองเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง อีกทั้งการเพิ่มของราคาน้ำมันในระยะสั้นยังเป็นโอกาส trading สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง ทั้งนี้ประเมินราคาน้ำมันระยะยาวที่ปรับเพิ่มทุก US$1/bbl จะเป็นบวกต่อราคาเป้าหมาย 5 บ. ต่อหุ้น

BEM 1Q67 คาดมีกำไรสุทธิ 830 ลบ. เติบโต 10.7%YoY จากธุรกิจทางด่วน รถไฟฟ้า และการพัฒนาพาณิชยกรรม อีกทั้งปัจจัยบวกอาจมาเร็วกว่าคาด อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกอาจได้ข้อสรุปใน 2Q67 และโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (double deck) อาจเห็นความชัดเจนใน มิ.ย. นี้
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 เม.ย. 2567 เวลา : 10:56:00
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 5:49 am