กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.60-37.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.94 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.83-37.17 โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐฯรายงานจีดีพีไตรมาสแรกเติบโต 1.6% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้และเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานเร่งตัวขึ้นถึง 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยภาวะเงินเฟ้อสูงดังกล่าวเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะตรึงดอกเบี้ยสูงยาวนาน ทางด้านค่าเงินเยนร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 34 ปีครั้งใหม่ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงดอกเบี้ยที่ 0.0-0.1% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้เป้าหมาย 2% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ แต่บีโอเจกลับแสดงท่าทีกังวลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลกระทบต่อเงินเฟ้อจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเยนในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนประเมินว่าเงินเยนอาจดิ่งลงอีกจนกว่าการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯจะยุติลง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 3,121 ล้านบาท แต่มียอดขายพันธบัตร 2,976 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า เฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. โดยตลาดจะติดตามถ้อยแถลงและท่าทีของเฟดเพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการจ้างงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯท้ายสัปดาห์ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญสำหรับค่าเงินดอลลาร์ อนึ่ง เราคาดว่าการแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินเยนกำลังใกล้เข้ามาและอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อรวมถึงช่วงวันหยุด Golden Week ของญี่ปุ่น
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธปท.ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ใกล้ระดับที่เป็นกลาง(Neutral)และไม่ได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจ แต่พร้อมจะปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสมหากข้อมูลเศรษฐกิจและสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวใกล้เคียงกับระดับศักยภาพ ขณะที่ดอกเบี้ยและภาวะการเงินโดยรวมสอดคล้องกับการเติบโต นอกจากนี้ ทางการได้เข้าดูแลค่าเงินบาทเป็นระยะกรณีที่เห็นว่าผันผวนมากเกินไป
ข่าวเด่น