เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ"


 

คาด SET ยังอยู่ในกรอบ โดยกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1365-1370 จุด ขณะที่กรอบล่างมีแนวรับที่ 1355 จุด หากต่ำกว่า จะเห็นการเคลื่อนไหวในแดนลบมากขึ้น และมีแนวรับถัดไปที่ 1350 จุด ด้านภาพรวม ตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และตัวเลขส่งออกมี.ค. ที่หดตัวมาก กดดันเป้าเติบโตเศรษฐกิจปีนื้ ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุมเฟด

ประเด็นสำคัญ

• คณะผู้นำกลุ่มฮามาสได้เดินทางไปยังอียิปต์เพื่อเข้าร่วมเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ทำให้ตลาดคลายกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

• ทางการจีนเตรียมขยายเวลาการยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าสหรัฐบางรายการจนถึงวันที่ 30 พ.ย.หลังจากที่การยกเว้นภาษีหมดอายุลงในวันที่ 30 เม.ย.

• ราคาหุ้น Apple +2.5% หลังมีการหารือกับ OpenAI เกี่ยวกับรวมฟีเจอร์ของ Generative AI เข้ากับระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 18

• ราคาหุ้น Tesla +15.3% จากรัฐบาลจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดรถยนต์เทสลา หลังผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยด้านข้อมูลของจีน เปิดทางการใช้ระบบ Full Self-Driving ในจีนซึ่งเป็นตลาด EV ใหญ่อันดับ 2 รองจากสหรัฐ

• การประชุม ศก. โลก (WEF) กังวลโลกจะเผชิญภาวะ ศก. ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี จากหนี้สินและเงินเฟ้อพุ่ง ขณะที่ผู้ว่า ธปท. ระบุ ศก. ไทยต้องเพิ่มการลงทุนมากกว่ากระตุ้นระยะสั้น

• คลังคาด ศก. ไทยปี 2567 จะขยายตัวลดลงจากเดิม 2.8% เป็น 2.4% เหตุจากส่งออกหดตัวกว่าที่คาด การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว เกษตรได้รับผลกระทบภัยแล้ง และคลังเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ล่าช้า คาดแจกเงินดิจิทัลหนุน GDP 4Q67 โต 3.3%

• สนค. ระบุเดือน มี.ค. 67 ไทยมีมูลค่าส่งออก 2.50 หมื่นนล้านเหรียญ ลดลง 10.9%YoY ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ส่วนนำเข้า 2.61 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่ม 5.6%YoY ขาดดุลการค้า 1.16 พันล้านเหรียญ

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามตลาดหุ้นโลก จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม โดยสัปดาห์นี้คาดอัตราการว่างงานของสหรัฐจะทรงตัว และการประชุมของเฟดจะยังมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามตลาดหุ้นโลก จากกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) หุ้นเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q67 ซึ่งคาดจะมีการเติบโตที่ดี YoY และจะประกาศในช่วงสองสัปดาห์หน้า เลือก HMPRO TRUE GFPT KCE TOP

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาปันผลดี (AP)

3) หุ้นที่สามารถเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP (ทั้งนี้หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และในกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz อาจกระทบการส่งออกได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

DAILY TOP PICKS

KTB มองมี Upside จาก NIM (โอกาสที่จะคง ดบ. นโยบาย) และ Credit cost (จากการลดความเสี่ยงพอร์ตสินเชื่อ) และแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล ปัจจุบัน Valuation ถูก ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดี มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจาก credit cost ที่ลดลง

GPSC ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ GPSC ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนพลังงานและกำไรที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าทั่วไป จะหนุนให้ปี 2567 กำไรปกติจเติบโตแข็งแกร่ง 49%YoY
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 เม.ย. 2567 เวลา : 11:01:37
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 3:40 am