การค้า-อุตสาหกรรม
ส.กุ้งไทย จับมือ ส.ผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย ส.อาหารแช่เยือกแข็งไทย ส.ผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ยื่นข้อเสนอรองนายกฯ ส่งเสริมการตลาดเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งผงาดตลาดโลกอีกครั้ง


นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย นำผู้แทนสมาคม/ชมรมที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกุ้ง ประกอบด้วย นายสมชาย ฤกษ์โภคี นายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย นายอนุชา เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคม และ ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช นายกกิตติคุณสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย นายสมภพ เอื้อทรงธรรม เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย นายพิชญพันธุ์ สลิลปราโมทย์ ประธนาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอภิชิต วรกิจ รองประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดระนอง และคณะ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้เร่งส่งเสริมการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมกุ้งไทย โดยมีนายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับจดหมาย ซึ่งได้นำเสนอเริ่องเร่งด่วน รวม 3 ข้อ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมการตลาด การลดต้นทุนการผลิต การจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาโรคระบาดในกุ้ง

 

โดยมาตรการการส่งเสริมการตลาด แบ่งออกเป็น การส่งเสริมการบริโภคในประเทศ ขอให้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การบริโภคกุ้ง เพื่อประชาสัมพันธ์ในพื้นที่สนามบิน, แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สถานีรถไฟฟ้า โดยทำแคมเปญส่งเสริม “การบริโภคกุ้งไทย” รวมถึง ร่วมกับภัตตาคาร ร้านอาหาร หรือโรงแรม ในการจัดการส่งเสริมการบริโภคกุ้ง ในด้านการส่งออก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ขยายส่วนแบ่งในตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความเชื่อมั่นในสินค้ากุ้งไทย และมีโอกาสในการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยการนำผู้ส่งออกร่วมออกพาวิลเลียนในงานแสดงสินค้าสำคัญๆ เช่น งาน China Fisheries & Seafood Expo 2024 (Qingdao) , World Seafood Shanghai (SIFSE), Fishery & Seafood Expo -Fishex Guangzhou ,เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป โดยขอให้สหภาพยุโรปลดภาษีสินค้ากุ้ง เป็น 0% ทันที

 

ตั้งแต่สินค้ากุ้งถูกสหภาพยุโรปตัดสิทธิ GSP ตั้งแต่ปี 2557 ทำให้ต้องเสียภาษีในอัตราสูงมาก ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่ได้สิทธิ GSP และประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี ทั้งที่ สหภาพยุโรปเป็นตลาดใหญ่ ที่มีการนำเข้าปีละประมาณกว่า 700,000 ตัน และในช่วงที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ GSP สหภาพยุโรปนำเข้าจากประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 50,000 ตัน แต่หลังจากที่ไทยถูกตัดสิทธิ GSP ทำให้ไทยส่งออกกุ้งไปยังตลาดสหภาพยุโรปเฉลี่ยปีละประมาณ 2,000 ตัน ในขณะที่สหภาพยุโรปนำเข้ากุ้งสามอันดับแรก ได้แก่ เอกวาดอร์ อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงการค้าเสรี และได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้ไทยเสียเปรียบในด้านการแข่งขันโดยสิ้นเชิง

 

การลดต้นทุนการผลิต เสนอให้ ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบการผลิตอาหารกุ้ง ปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบ โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักได้แก่ กากถั่วเหลือง และปลาป่น โดยกากถั่วเหลืองมีอัตราภาษีนำเข้าในอัตรา 2% สำหรับการนำเข้าปลาป่น รัฐบาลอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะปลาป่นที่มีโปรตีนสูงกว่า 60% โดยมีอัตราภาษีสูงสุดที่ 15% นอกจากนี้ รัฐบาลเปลี่ยนแปลงประกาศการนำเข้ากากถั่วเหลืองจากคราวละ 3 ปี เป็น 1 ปี ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนและขาดความต่อเนื่องในการนำเข้า จึงขอเสนอให้ปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองและปลาป่น เป็น 0 รวมถึงอนุญาตให้นำเข้าคราวละ 3 ปีเช่นเดิม การลดภาษีดังกล่าว จะเป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงให้กับภาคเกษตรกร

 

การแก้ปัญหาโรคกุ้ง ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้การเลี้ยงไม่ประสบความสำเร็จ และส่งผลทำให้ต้นทุนสูงจนไม่สามารถแข่งขันได้ จึงขอเสนอให้รองนายกฯ ภูมิธรรม ในฐานะที่ดูแลกรทรวงเกษตรฯ พิจารณาจัดสรรงบประมาณในการศึกษาวิจัยหาสาเหตุและแนวทางการจัดการเพื่อแก้ปัญหา รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านจุลินทรีย์ที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อการวิจัยและคัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะสมสำหรับใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแต่ละพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องโรคและการจัดการบ่ออย่างมีประสิทธิภาพ

 

“โดยหากข้อเสนอที่นำเสนอทั้งหมดได้รับการดำเนินการแก้ไขจากภาครัฐอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มผลผลิตกุ้งและลดต้นทุนการผลิตให้สามารถกลับมาแข่งขันในตลาดโลกได้อีกครั้ง เนื่องจากกุ้งไทยยังคงมีจุดแข็งในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยอาหาร ปราศจากสารตกค้าง และมีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงความสามารถของห้องเย็นแปรรูปส่งออก ที่มีศักยภาพในการผลิต ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้กุ้งไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก และกลับมาเป็นสินค้าส่งออกหลักที่นำรายได้เข้าประเทศได้ปีละมหาศาลต่อไป” นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทยกล่าว

 

นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือการยื่นข้อเสนอของสมาคมที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกุ้งวันนี้ คือการเห็นความมีเอกภาพของทุกภาคส่วนที่ทำงานในอุตสาหกรรม และมีข้อเสนอที่เป็นเชิงวิชาการมากกว่าแหล่งอื่นๆ ทำให้มองเห็นแสงสว่างในการที่จะทำงานร่วมกัน ก็ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วยของกระทรวงพาณิชย์ และที่ต้องประสานกับหน่วยงานอื่น รวมทั้ง shrimp Board เพื่อดูว่าปัญหาจริงๆ ติดขัดอยู่ที่ไหน เพื่อจะแก้ปัญหาได้ตรงจุด เพราะทั้งสามเรื่องที่เสนอมา มีความสำคัญทั้งสามเรื่อง โดยเฉพาะในส่วนการตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงที่สามารถทำได้อยู่แล้ว”


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ค. 2567 เวลา : 18:15:49
01-02-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ February 1, 2025, 1:52 pm