คาด SET เคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบระหว่าง 1365-1380 จุด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีอิทธิพลต่อตลาดนัก และนักลงทุนในตลาด รอติดตามประเด็นสำคัญในวันพุธนี้ สำหรับตัวเลข GDP ไทย ในไตรมาส 1 และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน เม.ย.
ประเด็นสำคัญ
• ปธ. Fed สาขาแอตแลนตาระบุสัญญาณล่าสุดบ่งชี้ ศก. ชะลอตัว แต่กำหนดเวลาปรับลด ดบ. ยังคงไม่แน่นอน ขณะที่ ปธ. Fed สาขาดัลลัสระบุยังไม่ชัดเจนว่านโยบายการเงินเข้มงวดเพียงพอที่จะลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2%
• ทางการจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เม.ย. เพิ่มขึ้น 0.3%YoY และ 0.1%MoM ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เม.ย. ลดลง 2.5%YoY
• ราคาทองแดงปรับขึ้น 1.7%DoD หลังชิลีระบุการผลิตทองแดงในเหมืองโคเดลโคซึ่งเป็นเหมืองทองแดงของรัฐบาลและผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลกลดลง 10.1% สู่ระดับ 107,300 ตันในเดือน มี.ค.
• ปธน. ปูติน แต่งตั้งนายอันเดรย์ เบลูซอฟ เป็น รมว. กลาโหมคนใหม่ โดยอ้างถึงการใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้นและความต้องการเรื่องของนวัตกรรม
• ราคาหุ้น NVIDIA ปรับขึ้น 1.3%DoD หลัง TSMC ที่เป็น supplier รายใหญ่รายงานยอดขายเดือน เม.ย. ปรับขึ้นเกือบ 60%
• ก. คลังเตรียมหารือโครงการ Entertainment Complex ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ระบุพื้นที่กาสิโนไม่ควรเกิน 5% ของโครงการ ต้องมีกฎหมายดูแลเฉพาะ โดยจะต้องศึกษารอบด้านก่อนเสนอ ครม.อีกครั้ง
• สมาคมโรงแรมไทยเตรียมปรับราคาห้องพัก 11-20% หลังแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น คาดหวังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นคนไทยท่องเที่ยวช่วง low season หลังตลอด เม.ย. อัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลงเหลือ 61%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยยังให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะยังเห็นภาพการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ช้า ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนที่จะประกาศออกมาคาดยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลง ซึ่งอาจกดดันตลาดการเงินในช่วงสั้นได้ แต่อย่างไรก็ดี ภาพการผลิตของจีนคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของกลุ่ม Real Sector ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นธีม Earning Play สำหรับเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q67 ซึ่งคาดจะเติบโตดี YoY และจะประกาศในสัปดาห์นี้ อีกทั้งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นไม่มาก เลือก AOT BDMS BEM ERW MINT BCH OSP
2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรในหุ้นคาดมีโมเมนตัมกำไร 2Q67 เติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก BEM KCE HMPRO THRE TIDLOR
3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง และรายงานสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นทิศทางตามฤดูกาล ในกรณีฐานที่เป็นสงครามเงา ราคาน้ำมันดิบ Bent จะอยู่ในระดับที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้นการมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPALL กำไรปกติ 1Q67 +59%YoY และ +7%QoQ สูงกว่าคาด 20% จากมาร์จิ้นกว้างขึ้นและโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ ขณะที่กำไร 2Q67 คาดเติบโต YoY จากยอดขายสาขาเดิมที่โตดีที่สุดในกลุ่มฯ และปี 2567 คาดมีกำไรเติบโต 28%YoY ซึ่งยังไม่ได้รวม upside ของกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
AOT 2QFY67 (ม.ค.-มี.ค. 67) คาดกำไรปกติที่ 5.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 203%YoY และ 25%QoQ ขณะที่ปี FY2567 (ต.ค. 66 – ก.ย. 67) คาดกำไรจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.3 หมื่นลบ. อิงกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 75.6 ล้านคน (90% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19)
ข่าวเด่น