ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 78-88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13 - 17 พ.ค. 67)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งภาคภูมิศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ขณะที่อุปสงค์น้ำมันดิบมีสัญญาณการฟื้นตัวในหลายภูมิภาค โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นไตรมาส 3/67 อย่างไรก็ตาม สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ปรับคาดการณ์การเติบโตที่เพิ่มขึ้นของอุปทานและการลดลงของอุปสงค์น้ำมันดิบโลกในรายงานน้ำมันประจำเดือน พ.ค. 67
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
สถานการณ์ความขัดแย้งภาคภูมิศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด แม้ว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาแลกกับการปล่อยตัวประกันภายหลังจากการเจรจากับอียิปต์และกาตาร์ โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลมีคำสั่งให้เดินหน้าแผนปฏิบัติการภาคพื้นดินและอากาศเพื่อโจมตีเมืองราฟาห์ต่อเนื่อง และย้ำจุดยืนว่าข้อเสนอที่ฮามาสยอมรับนั้นไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขของอิสราเอล อย่างไรก็ดี อิสราเอลได้ส่งผู้แทนไปยังกรุงไคโรเพื่อเจรจาหาทางบรรลุข้อตกลงที่ภายใต้เงื่อนไขที่ยอมรับได้
ซาอุดิอาระเบียมีแผนการที่จะปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย. นี้กับลูกค้าในหลายภูมิภาค โดยบริษัท Saudi Aramco ประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันดิบ (OSP) สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ที่จำหน่ายให้ผู้ซื้อฝั่งเอเชียที่ระดับ 2.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนมิ.ย. 67 สูงขึ้นจากเดือน พ.ค.67 ที่ระดับ 2.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล รวมถึงปรับราคาขายน้ำมันดิบ (OSP) สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ที่จำหน่ายให้กับผู้ซื้อฝั่งยุโรปในเดือน มิ.ย. 67 ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่จำหน่ายให้กับผู้ซื้อฝั่งสหรัฐฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนถึงสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค
นอกจากนี้อุปสงค์น้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน เดือน เม.ย.67 อยู่ที่ระดับ 52.5 ซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 16 เดือน แม้ว่าจะมีการชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนมี.ค. 67 ที่ระดับ 52.7 ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดการณ์ GDP ไตรมาส 1/67 ของยุโรป ครั้งที่สองที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า ว่าจะคงที่เท่ากับการคาดการณ์ครั้งที่หนึ่งที่ระดับ 0.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/66 ที่ระดับ 0.1%
ตลาดจับตาการประชุมโอเปกพลัสที่จะจัดขึ้นวันที่ 1 มิ.ย. 67 ณ กรุงเวียนนา เนื่องจากสำนักข่าว Reuters เผยกลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลไปจนถึงสิ้นไตรมาส 3/67 จากปัจจุบันที่มีแผนปรับลดถึงสิ้นไตรมาส 2/67
ตลาดจับตารายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ค. ของโอเปก (14 พ.ค. 67) ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ว่าสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) จะปรับคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยอุปสงค์การใช้น้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น 0.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลงจากก่อนหน้าที่จะเพิ่มขึ้น 0.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ อุปทานน้ำมันดิบได้มีการปรับตัวสูงขึ้นแตะที่ระดับ 102.76 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้นกว่า 0.97 ล้านบาร์เรลต่อวันจากที่คาดว่าจะสูงขึ้นเพียง 0.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตปี 67 ลงเล็กน้อย 0.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะที่ระดับ 13.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 67 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนียอดค้าปลีก ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน เดือน เม.ย. 67 ได้แก่ ดัชนียอดค้าปลีก ตัวเลขอัตราการว่างงาน และดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปในไตรมาส 1/67 ได้แก่ จีดีพี และตัวเลขการจ้างงานโดยรวม และดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน เม.ย 67
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6 - 10 พ.ค. 67)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 78.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 0.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 84.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากการเจรจาระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่ได้มีข้อสรุปที่แน่ชัด โดยกลุ่มฮามาสได้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ในขณะที่อิสราเอลยังไม่ยอมรับข้อเสนอพร้อมกับบุกโจมตีเมืองราฟาห์ควบคู่ไปกับการส่งผู้แทนเพื่อเจรจาเพื่อหาข้อสรุปที่ยอมรับได้ ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ มีการขยายตัวแต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 พ.ค. 67 ปรับตัวลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับที่ 459.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
ข่าวเด่น