เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : 2024 หมดยุคทุนจีน? หลังย่านห้วยขวางซบเซา ธุรกิจคนจีนทยอยปิดตัว


 

ประเทศไทย นับว่าเป็น 1 ในประเทศที่ดึงดูดเม็ดเงินจากจีนให้เข้ามาลงทุน และทำธุรกิจต่าง ๆ จำนวนมาก เนื่องจากไทยจัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก อีกทั้งยังเปิดรับการลงทุนที่มีความเสรี ไทยจึงเป็นดินแดนชั้นดี ที่นักลงทุนจากจีนจะเข้ามาแสวงหาโอกาสในการทำเงิน เพราะแม้ว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ได้แร้นแค้นเหมือนสมัยก่อนที่คนต้องล่องเรือออกนอกประเทศเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ด้วยความที่ตอนนี้จีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ การแข่งขันจึงสูงตามไปด้วย ดังนั้นการออกไปยังประเทศอื่นในฐานะที่เป็น “คนกลุ่มแรก” หรือ “ผู้บุกเบิก” ของตลาด ย่อมสร้างโอกาสใหม่ๆ และมีโอกาสเติบสูง ดีกว่ากระโจนเข้าไปปันส่วนแบ่งในตลาดบ้านตัวเอง ที่มีผู้แข่งขันเยอะอยู่แล้ว
 
ธุรกิจที่ทุนจีนเข้ามาเปิดตลาดในไทยที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ก็คือธุรกิจร้านอาหารที่เกี่ยวกับหม่าล่า เป็นเมนูอาหารจีนแปลกใหม่ และเพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในไทย แน่นอนว่าผู้แข่งขันในตลาดใหม่นี้ก็มีน้อยราย จึงนับเป็นโอกาสทองของชาวจีน ที่ต่างเข้ามาเปิดร้านสุกี้หม่าล่า และเมนูที่มีหม่าล่าเป็นส่วนประกอบ ทั้งในรูปแบบของบริษัทรายใหญ่ และจากนักลงทุนรายเล็กแบบ SME โดยมักจะกระจุกตัวในบริเวณถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง ซึ่งถือได้ว่าเป็นย่าน China Town ของคนจีนยุคปัจจุบันที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทย
 
โดยเหตุผลที่เขตห้วยขวางนั้น กลายเป็นชุมชนของชาวจีนรุ่นใหม่ เป็นเพราะย่านนี้เป็นที่ตั้งของสถานทูตจีน ประกอบกับทำเลห้วยขวางมี Facilities สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งการคมนาคม เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลพระรามเก้า เอสพลานาด และเดอะสตรีท จึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนจีนมาพักอาศัยอยู่ในย่านห้วยขวาง และการเข้ามาของประชากรประเทศมหาอำนาจอย่างจีนนี้เอง ก็ส่งผลให้ย่านนี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจที่เกิดธุรกิจ ร้านค้าต่างๆ มากมาย ดึงดูดทั้งคนในไทยและนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลเข้ามา จนธุรกิจทุนจีนเหล่านี้ สามารถตักตวงเม็ดเงินรวมราว 30-40 ล้านบาทต่อเดือน
 
แต่การเข้ามาของทุนจีนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทยนั้น ผลประโยชน์และเม็ดเงินส่วนใหญ่มักจะหมุนเวียนอยู่กับชาวจีนด้วยกัน ไม่ได้ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยมากนัก เพราะอย่างที่กล่าวไปว่า กลุ่มคนที่นำเงินมาลงทุน หรือมาทำงานในประเทศไทยตอนนี้ เป็นคนจีนยุคใหม่ ที่เข้ามาไทยเพียงชั่วคราว และพอถึงจุด ๆ หนึ่งก็กลับไปยังประเทศของตัวเองตามเดิม ซึ่งก็นำเม็ดเงินที่ได้จากการลงทุนกลับเข้าจีนไปด้วย แตกต่างจากคนจีนในสมัยก่อน ที่อพยพเข้ามาในไทยก็มักจะเป็นการย้ายถิ่นฐานถาวร และกลายเป็นคนไทยเชื้อสายจีนในที่สุด อีกทั้งประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่คนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มักจะเข้ามาท่องเที่ยว และเนื่องด้วยพวกเขาจัดเป็นกลุ่มคนที่มีความชาตินิยม ที่ต้องมีการบริโภคของบ้านเกิดตัวเองแม้มาเที่ยวยังต่างประเทศ ทำให้เม็ดเงินที่เหมือนจะเข้ามายังประเทศไทยนั้น แท้จริงมีการปันส่วนไปยังธุรกิจของทุนจีน ซึ่งสำนักงานเขตห้วยขวางเคยลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อช่วงปลายปี 2022 พบว่ามีร้านอาหารเปิดตัวโดยไม่จดทะเบียนธุรกิจในไทย ไม่ขึ้นทะเบียนร้านค้า วัตถุดิบนำเข้าจากจีนไม่มี อย. และแม้จะมีการจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า นายทุนจีนจะจ้างคนไทยเป็น Nominee ยืมชื่อมาจดทะเบียน ที่นอกจากจะใช้เพื่อเปิดร้านอาหาร ก็ยังใช้เปิดร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ซื้ออาคารพาณิชย์ ที่เจ้าของล้วนเป็นคนจีนทั้งสิ้น
 
แต่มาถึงปี 2024 นี้ กลับพบว่าธุรกิจทุนจีนหลายร้านต่างพากันปิดกิจการ ธุรกิจซบเซาขาดทุน ซึ่งมีปัญหามาจากทางจีน ที่เศรษฐกิจในประเทศเผชิญกับปัญหาด้านภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ที่ทำให้เงินในกระเป๋าของคนจีนลดลง จนเกิดการเทขายอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ปิดตัวธุรกิจที่นักลงทุนจีนเคยลงทุนเอาไว้ ซึ่งก็รวมถึงย่านห้วยขวางของไทย นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในจีนก็ส่งผลถึงด้านการท่องเที่ยว ที่คนจีนลดการเดินทางออกนอกประเทศ จึงกระทบถึงภาคการท่องเที่ยวไทย ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ธุรกิจทุนจีนในห้วยขวางไม่สามารถเอาตัวรอดได้
 
ทุนจีนจะกลับมาไหม

เนื่องจากทางรัฐบาลจีนไม่ได้มีการออกมาตรการอย่างจริงจังที่จะแก้ไขปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แต่ทางศูนย์กสิกรไทยวิเคราะห์ว่า ทางการจีนมีแนวโน้มที่จะใช้กลยุทธ์อื่นเข้ามาพยุงปัญหาอสังหาริมทรัพย์ อย่างภาคการส่งออก เพื่อให้ GDP ประเทศ เติบโตตามเป้า 5% ที่วางไว้ในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งมีภาวะเสี่ยงที่สินค้าจากจีนจะทะลักเข้าสู่ไทยในปริมาณมาก ด้วยกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา อีกทั้งปัจจัยที่สำคัญ อย่างนโยบายการเมืองของจีน ยังคงส่งเสริมการทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าจีน เช่น แผนริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) ที่มุ่งให้จีนขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจไปได้ทั่วโลก รวมถึงการที่ไทยเป็น Destination ยอดนิยมของคนจีน เพียงแค่ช่วงนี้เศรษฐกิจจีนประสบกับปัญหาในประเทศเท่านั้น หากการดำเนินการของทางภาครัฐ สามารถใช้การส่งออกอุ้ม GDP ของจีนให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง เงินในกระเป๋าของคนจีนเพิ่มขึ้น การจับจ่ายใช้สอยกลับมา ทุนจีนก็อาจสามารถกลับเข้ามายังไทยต่อได้ในอนาคต

LastUpdate 19/05/2567 21:16:42 โดย : Admin
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 12:56 am