ดัชนีขึ้นมาใกล้แนวต้าน 1385 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1390 จุด อย่างไรก็ตาม ภาวะ overbought ทางเทคนิค ทำให้มีโอกาสพักตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งให้ระมัดระวังหากต่ำกว่า 1377 จุด จะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลข GDP ไทย ในไตรมาส 1
ประเด็นสำคัญ
• จีนประกาศมาตรการขนาดใหญ่กระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยผ่อนคลายกฎระเบียบการจำนอง และสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อบ้านที่ขายไม่ออกจากบริษัทสร้างบ้านเพื่อเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้
• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน เม.ย. เพิ่มขึ้น 6.7%YoY จากการฟื้นตัวในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น บ่งชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งที่จะเกิดขึ้น
• รัสเซียรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเกิดเพลิงไหม้ และทำให้กระแสไฟฟ้าดับในเมืองเซวาสโตโพล ซึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรไครเมีย หลังยูเครนส่งโดรนโจมตีรัสเซีย
• วันนี้ติดตามสภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไทย 1Q67 และความคืบหน้าเหตุเฮลิคอปเตอร์ ปธน. อิหร่านตกเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา
• ททท. ระบุสถานการณ์ นทท. ในตลาดระยะไกล โดยเฉพาะ นทท. ตอ. กลางยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้มีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยตั้งเป้าหมาย นทท. ตอ. กลางปีนี้ที่ 1.11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 65.57% สร้างรายได้ 1.6 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 79.31%
• อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ กรณีภาคเอกชนเตรียมปรับขึ้นราคาสินค้า 10-15% หากรัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาอยู่ที่ 400 บาท/วัน ใน ต.ค.67 ต้องรอผลสรุปเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงของ ก. แรงงานก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จึงยังไม่มีสินค้าใดปรับราคาเพิ่มขึ้น
• Neilsen ระบุ 4M67 ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของไทยเพิ่มขึ้น 4%YoY มีเม็ดเงินที่ 37,919 ลบ. และทุกสื่อมีการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งหมด สำหรับสื่อที่มีการเติบโตสูงสุด คือ โรงภาพยนตร์ ที่มีภาพยนตร์ดังใหม่ทยอยเข้าโรงพร้อมกัน รวมทั้งสื่อนอกบ้านมีการเติบโต 8%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวเคลื่อนไหวในกรอบ หลังขาดปัจจัยชี้นำและสิ้นสุดเทศกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของ บจ. แล้ว ขณะที่ประเด็นในประเทศติดตามตัวเลข GDP 1Q67 ซึ่งคาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำเพียง 0-1%YoY แต่อาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่จากความคาดหวังข่าวความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุน LTF หลัง FETCO นัดสมาชิก 7 องค์กร หารือกันในวันที่ 21 พ.ค. 67 นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศเองก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ หลังขาดปัจจัยชี้นำและสิ้นสุดเทศกาลประกาศงบ 1Q67 โดยสัปดาห์นี้รอลุ้นข่าวความคืบหน้าการฟื้น LTF กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ซึ่งกำไร 1Q67 ออกมาดีกว่าตลาดคาด และ 2Q67 มองกำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT ADVANC TU BEM CPF
2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap. ซึ่งคาดกำไร 2Q67 จะมีแนวโน้มเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก KCE BTG OSP HMPRO TIDLOR
3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
BTG 2Q67 คาดผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร สิ้นสุดการมีผลขาดทุนปกติติดต่อกันในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา หนุนจากราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป QoQ ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง และการส่งออกไก่เนื้อแข็งแกร่ง ส่วนทั้งปี 2567 คาดพลิกมีกำไรปกติราว 1.46 พันลบ.
PTTGC มองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในฐานะผู้ผลิตปิโตรเคมีจากก๊าซซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งยังคาดหวัง Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของจีนจะช่วยหนุนการบริโภคนำไปสู่แนวโน้มอุปสงค์ของปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ข่าวเด่น