นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าประจำสัปดาห์การดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยได้แถลงนโยบายเพื่อยกระดับให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว และเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 รัฐบาลได้แถลงเปิดเผยแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน โดยเชิญชวนให้เจ้าหนี้และลูกหนี้นอกระบบเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบผ่านการลงทะเบียน ณ ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้นอกระบบ และจะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด
ในส่วนของกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ และสินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566) โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 23 พฤษภาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 11,569 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 551 ล้านบาท มีจำนวนประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน (17 พฤษภาคม 2567) จำนวน 315 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.80 และเป็นยอดอนุมัติที่เพิ่มขึ้น 13.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.50
สำหรับเจ้าหนี้นอกระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ อย่างยั่งยืนตามที่กล่าวข้างต้น กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย โดยหากนิติบุคคล (บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลการยื่นคำขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1359 ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านสายด่วน 1359
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2567 มีนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,140 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,241,350 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 41,015.45 ล้านบาท ซึ่งประชาชนที่สนใจขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์ทั้ง 75 จังหวัด ได้ที่ www.1359.go.th
ข่าวเด่น