คาด SET ยังมีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคได้ หลังปรับลงมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคในภาพรวมที่เป็นลบ ทำให้กรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1370 และ 1375 จุด ตามลำดับ ขณะที่ในภาพรวม ยังต้องระวังด้าน downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1360 และ 1354 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• จนท. ECB ส่งสัญญาณปรับลด ดบ. ในการประชุมนโยบายการเงิน 6 มิ.ย. หลังเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% และจะทำให้ ECB ปรับลด ดบ. เร็วกว่า Fed
• จีนจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนอุตสาหกรรมวงจรรวมระยะที่ 3 มูลค่า 4.75 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายใน ปท. ตั้งเป้าเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรม AI ระบบไร้สาย 5G และคอมพิวเตอร์ควอนตัม
• เมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศนโยบายฟื้นฟูภาคอสังหาฯ ด้วยการลดอัตราส่วนเงินดาวน์ลงสู่ 20% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก และ 30% สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 พร้อมปรับลด ดบ. กู้จำนองลงเช่นกัน
• ซาอุดีอาระเบียเตรียมขายหุ้นซาอุดีอารามโค (รัฐบาลซาอุดิอาระเบียถือหุ้น 90%) อย่างเร็วที่สุดใน มิ.ย. คาดระดมทุนได้ราว 1 หมื่นล้านเหรียญ
• ประชุม ครม. ศก. นัดแรกวานนี้ ยังไม่มีการออกมาตรการใด ๆ แต่ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้น ศก. ระยะสั้น โดยแต่ละหน่วยงานกลับไปคิดมาตรการที่จะช่วยขับเคลื่อน ศก. ให้เติบโต ก่อนจะนำกลับมาหารือกันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
• วันนี้ ครม. เตรียมพิจารณางบกลางปี 67 วงเงิน 1.22 แสนลบ. กู้เพิ่มอีก 1.12 แสนลบ. แจกดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสู่ 68% ด้าน สศช. กังวลหนี้เสียสินเชื่อบ้านพุ่ง จากครัวเรือนรายได้ลดลง ผลพวงปัญหา ศก. เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ของ GDP
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวในกรอบ หลังไร้ปัจจัยชี้นำ โดยใน ปท. ติดตามการประชุม ครม. ศก. นัดแรก และตัวเลข ศก. คาดยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่วนปัจจัย ตปท. ดัชนี PCE เม.ย. สหรัฐคาดสะท้อนอยู่ในราคาไปแล้ว และดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนคาดปรับตัวดีขึ้น หลังออกมาตรการกระตุ้น ศก. ต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการ 1Q67 ของ บจ. ทั่วโลกยังค่อนข้างดี แม้ บจ. ไทยจะเติบโตได้น้อยใน 1Q67 แต่คาด 2Q67 จะเติบโตดีขึ้น ช่วยหนุน SET Index ปรับขึ้นได้ตั้งแต่ 3Q67 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบ หลังยังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ อย่างไรก็ดี 2Q67 คาดผลประกอบการของ บจ. ไทยจะเติบโตดีขึ้นซึ่งจะหนุนการปรับตัวขึ้นของ SET Index ได้ตั้งแต่ 3Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC
2) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT ADVANC TU BEM CPF BTG OSP TILDOR
3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ทั้งนี้ติดตาม OPEC+ เตรียมจัดประชุมออนไลน์ 2 มิ.ย.นี้ หารือนโยบายผลิตน้ำมัน
DAILY TOP PICKS
MINT เป็น 1 ในหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว คาดผลการดำเนินงาน 2Q67 เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ High Season ของยุโรป อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 23 เท่า ใกล้เคียง -1SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต และยังไม่สะท้อนกำไรปกติปี 2567 ที่คาดเติบโต 12%YoY สู่ระดับ 8 พันลบ.
BCP ได้ประโยชน์จากราคาก๊าซในยุโรปฟื้นตัว ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น หนุนโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินตามฤดูกาล ขณะที่มอง Downside ค่าการกลั่นที่ระดับปัจจุบัน (2-3 เหรียญ/บาร์เรล) อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ Valuation ไม่แพงที่ PER 67F เพียง 4 เท่า คาด Div. Yield ที่ 6%
ข่าวเด่น