 Regional Apr 24 (1).jpg)
เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวในหลายภูมิภาค และการบริโภคอุปโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะในภาคใต้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวในบางภูมิภาค
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนเมษายน 2567 ว่า “เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวในหลายภูมิภาค และการบริโภคอุปโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะในภาคใต้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวในบางภูมิภาค” โดยมีรายละเอียดดังนี้
 monthly Apr 2024.jpg)
เศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 5.9 14.1 และ 37.7 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -19.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 59.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 60.1 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -23.8 และ -20.3 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 5.1 และ 8.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.0 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 30.2 และ 22.3 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคกลางในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 6.4 และ 5.3 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -10.9 และ -4.4 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 20.1 และ 2.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 61.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -15.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -21.5 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 12.9 และ 24.4 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑลในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 5.9 และ 6.5 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -21.8 และ -7.3 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.2 และ 14.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 61.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 62.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -5.1 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 14.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -42.7 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 6.7 และ 10.6 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคเหนือในเดือนในเดือนเมษายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.7 และ 3.3 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -14.1 และ -1.6 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 และ 1.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 62.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 63.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -22.4 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -20.4 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัวด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 91.9 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 6.9 และ 14.9 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกในเดือนในเดือนเมษายน 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.2 และ 2.4 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -28.2 และ -25.7 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 9.9 และ 38.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 64.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 65.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -27.5 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -5.8 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 170.6 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูป ในจังหวัดสระแก้ว เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 88.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.9 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 16.9 และ 17.1 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนเมษายน 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 8.8 และ 1.7 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -11.8 และ -0.4 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 12.6 และ 10.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 64.4 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 65.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -21.0 และ -4.6 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 16.4 และ 13.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 1,042.2 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็คทรอนิกส์ ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นสำคัญด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 76.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 77.6 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 19.1 และ 22.6 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันตกในเดือนเมษายน 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกร และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 ต่อปี จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -10.8 และ -16.5 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 และ 0.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ร้อยละ -10.0 ต่อปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 61.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -25.4 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ หดตัวที่ร้อยละ -22.0 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังมีอัตราขยายตัวต่อเนื่อง ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 6.7 และ 22.3 ต่อปี ตามลำดับ
ข่าวเด่น