การปรับลดตัวของราคาทองคำ คือโอกาสในการลงทุน
ราคาทองคำที่ลดลงเกือบ 5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,450 ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นักลงทุนได้ปรับความคาดหวังต่อนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อีกครั้ง ภายหลังการเผยแพร่รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายได้ส่งผลต่อราคาทองคำ โดยตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของเดือนพฤษภาคมได้ส่งสัญญาณปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 สูงกว่าการคาดการณ์ที่มองตรงกันไว้ที่ 49.9 (UBS คาดการณ์ไว้ที่ 49.0) ประกอบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นและเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น การตอบสนองของราคาทองคำจึงเป็นความเคลื่อนไหวที่สามารถคาดการณ์ได้เมื่อพิจารณาจากปัจจัยมหภาคต่าง ๆ นอกจากนี้การพุ่งขึ้นของราคาทองคำสู่ระดับสูงสุดหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาได้ทำให้การขายทำกำไรเล็กน้อยอย่างมีความน่าสนใจ การปรับลดในครั้งนี้จึงไม่น่าจะทำให้นักลงทุนเกิดความหวาดกลัว เรามองว่าการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในแนวรับแนวต้านถือเป็นโอกาสในการลงทุนทองคำ
มุมมองเชิงบวกต่อทองคำ มีพื้นฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง
ทัศนคติเชิงบวกต่อทองคำดูเหมือนว่าได้ฝังรากลึกแล้ว ซึ่งเรารับรู้ได้จากการพูดคุยกับนักลงทุนหลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราคิดว่าสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการปรับตัวของราคาทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความสามารถในการรักษาเสถียรภาพของราคาที่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุมมองในเชิงบวกนี้มีพื้นฐานสนับสนุนหลายประการด้วยกัน ประการแรกคือความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะผ่อนคลายนโยบายลงในการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนด้านระยะเวลาและปริมาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ก็ตาม และแม้ว่าความคาดหวังต่อทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันนักลงทุนมองว่าเกณฑ์ที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หันมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นค่อนข้างอยู่ห่างไกล ประการที่สอง ความไม่แน่นอนในระดับมหภาคและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นเหตุผลที่น่าสนใจสำหรับการเลือกทองคำเพื่อป้องกันและการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
แม้ว่าอาจยังเร็วเกินไปที่นักลงทุนจะระบุจุดยืนที่ชัดเจนต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่จากการสนทนากับนักลงทุนของเราส่งสัญญาณว่ามุมมองต่อราคาทองคำนั้นได้คำนึงถึงสภาวะการณ์นี้ไว้แล้ว เรามองว่าโดยรวมแล้วความไม่แน่นอนของสถานการณ์จะส่งผลดีต่อราคาทองคำ ซึ่งช่วยสนับสนุนเหตุผลที่ควรมีทองคำไว้ในพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ประการที่สาม การซื้อทองคำที่ต่อเนื่องของภาครัฐและแรงซื้อทองคำที่แข็งแกร่งในตลาดภูมิภาคที่มีความสำคัญ ได้ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าแนวโน้มขาขึ้นนั้นยังคงตั้งอยู่บนอุปสงค์พื้นฐานที่แข็งแกร่ง แรงซื้อเหล่านี้ได้ช่วยหนุนรองรับในช่วงที่สัญญาณระดับมหภาคส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ ทำให้แนวโน้มขาลงอยู่ในวงจำกัด และเป็นพื้นฐานที่ดีซึ่งสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นให้ดำเนินต่อไป
โลหะเงินกลับมามีความน่าสนใจ
เราคิดว่าการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของราคาโลหะเงินในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กับราคาทองคำนั้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งของนักลงทุนต่อทิศทางทองคำในขาขึ้น อัตราระหว่างทองคำและเงินนั้นได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ผ่านจุด 80 สู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 และทรงตัวอยู่ในระดับใกล้จุดต่ำสุดได้ดีพอสมควรแม้ว่าราคาของโลหะมีค่าต่าง ๆ จะปรับลดลงก็ตาม เงินจึงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนซึ่งพลาดจังหวะการเคลื่อนไหวของทองคำให้ความสนใจ รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีความผันผวนหรือมีค่า Beta สูงกว่า จากแนวทางการลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้นในระยะที่ผ่านมาประกอบกับความแข็งแกร่งของโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรมได้สนับสนุนให้ราคาของเงินเพิ่มสูงขึ้น และมีส่วนทำให้ราคาพุ่งสูงทะลุระดับแนวต้านเดิม นอกจากนี้อุปสงค์ที่ตึงตัวและสภาพปัจจัยพื้นฐานของอุปทานยังได้ทำให้นักลงทุนสนใจโลหะเงินมากขึ้น ซึ่งช่วยเป็นแรงหนุนเสริมราคา เรามองว่าแนวโน้มของทองคำและเงินในอนาคตจะมีความเสี่ยงเชิงบวกในทิศทางขาขึ้น (Upside Risks) ดังคำกล่าวที่ว่าการฟื้นกลับคืนมานั้นอาจยิ่งใหญ่กว่าความถดถอยที่เคยเกิดขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
แผนภูมิที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำ กับเงินดอลลาร์สหรัฐและอสังหาริมทรัพย์
แผนภูมิที่ 2: ปริมาณคำสั่งซื้อ (Long) ทองคำสุทธิ ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา ส่วน ETF เหมือนว่าได้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว
แผนภูมิที่ 3: ปริมาณการซื้อขายทองคำในจีนเริ่มฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง
แผนภูมิที่ 4: การนำเข้าทองคำของจีนและอินเดียในเดือนเมษายน 2567 ยังคงเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (y/y) แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นก็ตาม
แผนภูมิที่ 5: อัตราส่วนผลตอบแทนเทียบระหว่าง ทองคำ:เงิน ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังห่างจากค่าเฉลี่ยในระยะยาวอยู่บ้างก็ตาม
แผนภูมิที่ 6: หุ้นโลหะเงินในตลาดลอนดอนยังคงระดับต่ำ ในขณะที่หุ้นโลหะเงินในตลาด COMEX ปรับตัวสูงขึ้น
วิธีการประเมินมูลค่า และคำชี้แจงด้านความเสี่ยง
ความเสี่ยงของการลงทุนในหลายสินทรัพย์นั้นได้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ ความเสี่ยงของตลาด ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความสัมพันธ์ของผลตอบแทนระหว่างสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ อาจแตกต่างไปจากรูปแบบที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่อาจลดผลตอบแทนของสินทรัพย์ลงได้ การประเมินมูลค่าอาจได้รับผลกระทบเชิงลบในช่วงเวลาที่มีความผันผวนของตลาดสูง สภาพคล่องน้อย และมีการเคลื่อนที่ด้านเศรษฐกิจ การวิเคราะห์และอภิปรายเกี่ยวกับสัญญาสิทธิซื้อขาย (Option) ทั้งหมดเป็นในรูปแบบ 'over-the-counter' หรือการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ การขาดทุนในสัญญาสิทธิซื้อขายบางประเภทอาจไม่มีการจำกัดจำนวน เว้นแต่จะมีวิธีการป้องกันความเสี่ยงหรือปรับน้ำหนักการลงทุนเพิ่มเติม
บทวิเคราะห์โดย โจนี เทเวส (Joni Teves) นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่า ธนาคารเพื่อการลงทุน UBS
ข่าวเด่น