เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ผันผวนในกรอบ รอหลายประเด็นสำคัญ"


 

คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1310-1325 จุด โดยนักลงทุนในตลาด รอติดตามหลายประเด็นสำคัญในวันนี้ ได้แก่ 1) ด้านการเมือง จากศาลฯ เปิดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล (นัดฟังคำตัดสิน หรือไต่สวนเพิ่ม) 2) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน พ.ค. และ 3) ผลประชุมเฟด และ dot plots

ประเด็นสำคัญ
 
• ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัว GDP โลกปีนี้จากเดิม 2.4% เป็น 2.6% โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของ ศก. สหรัฐ

• EIA ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2567 ขึ้นสู่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิม 9 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่กลุ่ม OPEC คาดอุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 และ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568

• ราคาหุ้น Apple +7.3%DoD สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประกาศแผนการนำเทคโนโลยี AI เข้ารวมในผลิตภัณฑ์ iPhone, iPad และ Mac

• กลุ่มภาค ปชช. ที่ได้รับผลกระทบน้ำมันแพง (คปนพ.) ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ตรึงราคาดีเซลลิตรละ 30 บ. เหตุเป็นต้นทุนของทุกภาคการผลิต ระบุหากไม่เห็นผลใน 10 วัน เตรียมยกระดับการเคลื่อนไหว

• นายกฯ สั่ง ก. พลังงานหารือ BOI กำหนดเงื่อนไขให้เอกชนสามารถทำการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานกับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง เตรียมนำเข้าเสนอที่ประชุม กพช. ต้นสัปดาห์หน้า

• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุ 1 ม.ค.-9 มิ.ย. 67 มีจำนวน นทท. สะสมเข้าไทยรวมกว่า 15.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 7.36 แสนลบ. โดยจำนวน นทท. สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้

• ครม. มีมติเห็นชอบปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เริ่มต้น 17 บ. สูงสุด 45 บ. มีผลตั้งแต่ 3 ก.ค. 67 เป็นต้นไป เพื่อให้การปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานครเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบาง โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50%  เช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐและจีนคาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น MoM ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเฟดคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.50% แต่คาดจะมีปรับ dot plot ลดดอกเบี้ยในปีนี้น้อยกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3 ครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศกดดันให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดยังไร้สัญญาณบวกใหม่ในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้ 

1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT)  และ FOOD (TU BTG OSP) 

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL CPAXT BJC MINT TU 

3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าว เลือก KCE SCGP PTTGC

4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

HANA มองผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวใน 2Q67 และคาดจะฟื้นตัวชัดเจนใน 2H67 หนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS ขณะที่คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้าได้ และผลกระทบจำกัดจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

GULF 2Q67 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีมุมมองบวกต่อการประมูลโรงไฟฟ้าที่จะมีขึ้นอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้ valuation ยังน่าสนใจ ปัจจุบันเทรดที่ PER 23 เท่า หรือ -1.5 SD ของ PER mean
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 มิ.ย. 2567 เวลา : 11:40:38
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 7:45 pm