SET สร้างสัญญาณรีบาวด์ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้วันนี้คาดรีบาวด์ในช่วงสั้นได้ต่อ อย่างไรก็ตามในภาพรวมสัญญาณเทคนิคที่ยังเป็นลบ และปัจจัยกดดันด้านการเมือง รวมถึงทิศทาง fund flow ที่ไหลออก ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1310 -1315 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1290 และ 1280 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• เงินเฟ้อ พ.ค. 67 ของอังกฤษอยู่ที่ 2%YoY เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่แรงกดดันด้านราคายังคงแข็งแกร่ง ทำให้ BoE มีแนวโน้มจะใช้รอเวลาอีกสักพักก่อนจะเริ่มลด ดบ.
• ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้ยุโรปที่ใช้มาตรการสกัด EV ของจีน ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์น้ำมันเบนซินจากยุโรป ขณะที่ BoA เตือน 3 ค่ายรถยนต์สหรัฐออกจากตลาดรถ EV ในจีนให้เร็วที่สุด
• บอร์ด รฟท. มีมติเห็นชอบหลักการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่จำนวน 3 เส้นทาง ระยะทาง 678 กม. วงเงินรวมราว 1.65 แสนลบ. โดยเป็นการปรับเพิ่มจากวงเงินรวมเดิม 1.385 แสนลบ.
• ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม พ.ค. 67 ลดลงเป็นเดือนที่ 2 จากกำลังซื้อใน ปท. เปราะบาง ศก.ยังมีความไม่แน่นอน ปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันสูงกระทบต้นทุนการผลิต
• ผู้ว่า ธปท. เสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ควรจะจำกัดวงลงจากที่จะแจกคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปราว 50 ล้านคน เหลือแค่กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 15 ล้านคน ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ มากกว่า
• นายกฯ แถลง พ.ร.บ. งบปี 68 คาด GDP ขยายตัว 2.5-3.5% เงินเฟ้อทั่วไป 0.7-1.7% และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.5% ของ GDP คาดหวังนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้น ศก. ทั่วถึง
• Thaibma ระบุปัจจัยลบทั้งตลาดหุ้นผันผวน รัฐเบิกจ่ายงบล่าช้า ศก. ชะลอ ดบ. ทรงตัวสูง กระทบตลาดหุ้นกู้ไฮยีลด์ โดยเฉพาะในกลุ่มเดิมที่ นลท. ไม่เชื่อมั่น และถูกปรับลดอันดับเครดิต-ไร้ธรรมาภิบาล แต่คาดสถานการณ์ครึ่งปีหลังชัดเจนขึ้น โดยยังคงเป้ายอดออกใหม่ 1 ล้านลบ.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงการเมืองในประเทศยืดเยื้อ โดยเมื่อ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีและคดียุบพรรคก้าวไกล โดยนัดพิจารณาต่อในเดือน ก.ค. จึงทำให้คาด SET จะยังมีแนวโน้ม Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ท่ามกลางตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์และการส่งออกของไทยที่คาดจะยังอ่อนแอ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและสหรัฐคาดจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วน BoE คาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% แต่จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินใน 3Q67 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ ทำให้ SET ยังมีโอกาส Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP PTTGC
2) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้ YTD เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT) และ FOOD (TU BTG OSP)
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL MINT TU
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
BEM ประเด็น ก. คมนาคมสั่ง กทพ. เร่งเจรจาลงทุนโครงการ Double deck 3.5 หมื่นลบ. เรามองเป็น Upside ต่อราคาเป้าหมายของเรา ส่วนการลดค่าทางด่วนสูงสุดไม่เกิน 50 บ. แลกกับขยายสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน เราคาดไม่กระทบต่อกำไรในระยะสั้น หลังคาดจะมีการปรับลดส่วนแบ่งรายได้ให้กับ กทพ. ที่ลดลง
TU มองเป็นหุ้น Earning Play โดย 2Q67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงดีขึ้น อีกทั้งไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster ด้าน Valuation ยังไม่แพง ปัจจุบันเทรด PER 67F ที่ 14.7 เท่า ต่ำกว่า -1SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ 16 เท่า
ข่าวเด่น