เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"เผ่าภูมิ" ประธานพิธี ลงนาม MOU ระหว่าง สปสช.-กอช. มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต-ส่งเสริมการออม ตั้งเป้าผลักดัน "แรงงานนอกระบบ" กว่า 10 ล้านคน เข้าระบบออมเงิน หวังให้มีบำนาญไว้ใช้ยามเกษียณ


 
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 เวลา 13.15 น. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โดยมี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ พบว่า สวัสดิการที่ภาครัฐจัดสรรให้กับผู้เกษียณอายุในแต่ละปีงบประมาณ เป็นการจ่ายแบบขั้นบันได สูงถึงปีละหลายแสนล้านบาท และจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ขาดความพร้อมและมีเงินออมที่ไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตในวัยเกษียณ เพราะอาศัยเพียงแค่สิทธิ สวัสดิการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่รัฐมอบให้ ก็ไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีได้ ดังนั้น การจัดสวัสดิการให้ผู้สูงอายุ หรือให้ผู้สูงอายุมีเงินออมเพื่อรองรับวัยเกษียณ จึงเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล

 
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กอช. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน มุ่งสร้างวินัยการออมที่ดีให้กับประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มแรงงานนอกระบบ ที่ยังไม่มีสวัสดิการอื่นใดรองรับ ให้มีบำนาญใช้ เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ และในปี 2568 นี้ กระทรวงการคลัง ได้ออกนโยบาย “สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรือ “หวยเกษียณ” ที่ดำเนินการโดย กอช. เพื่อสร้างแรงจูงให้กับประชาชนในการเก็บออมระยะยาว และแก้ปัญหาคนไทยแก่แต่จนได้อย่างยั่งยืน
 
 
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยมีอายุที่ยืนยาวขึ้น จากเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้า ซึ่งการมีสุขภาพที่แข็งแรงปราศ
จากโรคภัย คือ สิ่งที่ทุกคนปราถนา ดังนั้น การดูแลสุขภาพควบคู่กับการดูแลสุขภาพการเงิน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจาก ชีวิตในช่วงเกษียณอายุที่ยาวนานขึ้น เป็นเหตุให้ต้องคำนึงถึงผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบด้านการเงิน ซึ่งการมีทักษะทางการเงิน จะทำให้วางแผนอนาคตทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญประเทศไทยจำเป็นต้องมีระบบการออมที่เข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ 
 
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวอีกว่า กอช. มุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ในการสร้างฐานการออม โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ
ที่อยู่นอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ ให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบบำนาญ  โดยประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี สามารถออมเงิน ขั้นต่ำตั้งแต่ 50 บาท สูงสุดถึง 30,000 บาทต่อปี และยังได้รับการสมทบจากรัฐสูงถึง 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องส่งเป็นประจำทุกเดือน หรือถ้าเดือนไหนไม่มี จะไม่ส่งเงินออมก็ได้ โดยที่ไม่เสียสิทธิใด ๆ นอกจากนี้ เงินออมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีประจำปี ได้สูงสุดถึง 30,000บาท และรัฐยังคุ้มครองผลตอบแทนการลงทุนเมื่ออายุครบ 60ปี
 
“การร่วมมือกับ สปสช. เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชน มีบำนาญถ้วนหน้า และมีเงินใช้ดำรงชีพในยามเกษียณ และเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างระบบการออม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐ และหันมาใส่ใจสุขภาพการเงินของตนเอง” นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
 
 
ด้าน นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การมีหลักประกันที่มั่นคงให้กับชีวิต ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและงบประมาณที่ได้รับจากภาครัฐ มาพัฒนาระบบบริการให้มีคุณภาพ นับเป็นพันธกิจหลักของ สปสช. ที่ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 22 ครอบคลุมการดูแลสุขภาพคนไทย 48 ล้านคนทั่วประเทศที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพ ให้ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิเมื่อเจ็บป่วย ตั้งแต่โรคทั่วไปครอบคลุมถึงโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อให้ได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และแก้ไขปัญหาความยากจน 
 
นายแพทย์จเด็จ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พบว่า มีผู้มีสิทธิที่จะเข้าร่วมการออมกับ กอช. กว่า 20 ล้านคน โดย สปสช. ตั้งเป้าหมายในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้มีสิทธิ
กว่า 10 ล้านคน เข้าร่วมออมเงินกับ กอช. เพื่อสร้างหลักประกันชีวิตที่มั่นคง และมีบำนาญไว้ใช้ในยามเกษียณ และพร้อมสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม รวมถึงเชื่อมต่อระบบสารสนเทศระหว่างสองหน่วยงาน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนร่วมกัน
 
 
ทั้งนี้ ภายในงาน สปสช. ได้มีการจัดบูธให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อาทิ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ตรวจวัดความดัน เป็นต้น ให้กับสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในส่วนของ กอช. ได้ร่วมจัดบูธ 
“วางแผนการออม” พร้อมให้คำแนะนำการวางแผนการออมเงินเพื่อยามเกษียณให้กับผู้เข้าร่วมงาน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับบริการเป็นจำนวนมาก
 
สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบสิทธิและสมัครได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และ ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ พร้อมกันนี้ กอช. ขอแนะนำให้สมาชิกส่งเงินออม เพียง 5 ปี ปีละ 30,000 บาท ก็มีสิทธิ
รับบำนาญตลอดชีพได้ ซึ่งสามารถสมัครและส่งเงินออม ผ่านแอปพลิเคชัน กอช. , เป๋าตัง, ทางรัฐ, MyMo, กรุงไทยเน็กซ์, ทรูมันนี่, เคพลัส, เป๋าตัง, ออมเพลิน หรือทางไลน์แอด กอช. @nsf.th และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม 02 049 9000

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 มิ.ย. 2567 เวลา : 17:26:39
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 4:42 pm