เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ รอดูตัวเลข PCE สหรัฐ"


 

ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากำหนดทิศทาง และนักลงทุนในตลาดรอดูตัวเลข PCE ของสหรัฐ คืนนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด รวมถึงประเมินสถานการณ์ด้านการเมืองของสหรัฐ จากการโต้วาทีของผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐเช้านี้ ทำให้คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1300-1320 จุด

ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วลดลงต่ำกว่าตลาดคาด และ GDP 1Q67 ขยายตัว 1.4% สูงกว่าประมาณการครั้งที่ 2 ที่ 1.3% แต่ต่ำกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ 1.6%

• จีนระบุกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.7%YoY ชะลอลงจาก เม.ย. ที่ปรับขึ้น 4%YoY สะท้อนอุปสงค์ภายใน ปท. ที่อ่อนแอลง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตโดยรวม

• กบง. มีมติให้คงราคาขายส่ง LPG หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บ. ต่อ กก. ไม่รวม VAT กรอบเป้าหมายราคาขายปลีกที่ 423 บ. ต่อถังขนาด 15 กก.ตามเดิม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. นี้

• ก. คลังเตรียมหารือธนาคารของรัฐ ออกมาตรการแก้หนี้รายกลุ่ม ออกซอฟต์โลน 1 แสนลบ. หนุน ดบ. เงินกู้ต่ำ ขณะที่ระยะยาวภาครัฐต้องลงทุนเพิ่ม ไม่กังวลขยายเพดานหนี้สาธารณะหาก ศก. โตต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่มเติม โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการหารือกับ ธปท. ทบทวนกรอบเงินเฟ้อปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่นั้น เบื้องต้นมี 2 ทางเลือก คือ 1. ใช้กรอบเงินเฟ้อในรูปแบบเดิมที่ 1-3%  และ 2. ใช้ค่ากลางเหมือนในบาง ปท. 

• FETCO คาด ศก. 2H67 ฟื้นตัว จากการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการขยายตัวของการส่งออก รวมทั้ง ดบ. ที่ลดลง หนุนให้ GDP ปีนี้ขยายตัว 3% ส่วนปีหน้าคาดขยายตัวสูงกว่า 3%

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในภาวะผันผวนและเปราะบางเช่นเดิม เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อทำให้ SET ยังมีโอกาส Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดีมีความคาดหวังว่าปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ อาทิเช่น ดัชนีอุตสาหกรรมและรายงานประชุม กนง. อาจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกจากการประกาศนโยบายสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน ทั้งการปรับเพิ่มวงเงินกองทุน T-ESG และมาตรการ Uptick ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.ค. ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยเน้นติดตามดัชนี PCE พ.ค. ของสหรัฐคาดทรงตัว MoM และปรับขึ้น 2.6%YoY (ชะลอตัวจาก 2.7%YoY ในเดือน เม.ย.) ซึ่งไม่น่ากดดันตลาดมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้

1) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Cover Short หลังตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 เลือก HANA TOP BEM KCE MINT OSP BBL SCGP AOT

3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL MINT TU

4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติโต 13%YoY สู่ 1.6 พันลบ. โดยการดำเนินงานและกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดภูมิภาคที่ 28 เท่า

PTTEP มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และยังเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง โดย 2Q67 คาดกำไรจะดีขึ้นต่อเนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 มิ.ย. 2567 เวลา : 11:55:10
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 3:00 pm