สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยประกาศ "5 โฟกัสหลัก" เพื่อเป็นแนวทางให้นักธุรกิจไทยรับมือกับความท้าทาย การเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่รุนแรงในทุกรูปแบบของการตลาดในปัจจุบันและอนาคต พร้อมเผยวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็น "Accelerator" หรือ "ผู้ผลักดัน" เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับวงการการตลาดไทย
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) นำโดย ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Marketing Association of Thailand (MAT) แถลงข่าวแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจไทยในครึ่งปีหลัง พร้อมกล่าวถึงแนวทางการทำงานของสมาคมฯ และแนะนำทีมคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ 36 ท่าน ผู้อำนวยการบริหารท่านใหม่ ที่มาร่วมดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของสมาคมฯ ร่วมกัน
ดร.บุรณิน กล่าวว่า "ท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี นักการตลาดต้องปรับตัวตาม Megatrend
ตลอดมาตั้งแต่ยุคเก่าที่เน้นภาคการผลิต จนมายังยุคปัจจุบันที่ดิจิทัลและ new media เข้ามามีบทบาท และต้องมองไปข้างหน้าสู่ยุคที่มุ่งเน้นปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสะอาด หุ่นยนต์ ในส่วนของช่องทางการตลาดเองก็เปลี่ยนผ่านจากตลาดที่เน้นปฏิสัมพันธ์แบบพบหน้า (Physical) มายังช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital) ในอนาคตก็จะกลายเป็นตลาดแบบหลอมรวม (Immersive) สมาคมฯ จึงได้นำเสนอ 5 โฟกัสหลักเพื่อเป็นเข็มทิศให้นักธุรกิจไทยในครึ่งปีหลัง 2567 ประกอบด้วย:
1. การสร้างกำลังใจและข่าวดี ส่งเสริมความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวงการธุรกิจ
2. สนับสนุน Green ที่เป็นของจริง ไม่ใช่จำแลง ผลักดันแนวคิด Sustainability และ Responsible Marketing อย่างจริงจัง
3. สังเคราะห์ AI เพื่อความเท่าเทียม ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม
4. ส่งเสริม SMEs ให้มี Own Channel Own Content เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย
5. สะสมความชำนาญและประสบการณ์ในตลาดเอเชีย (Asia Mastery) มุ่งเน้นการเข้าใจและเจาะตลาดเอเชียซึ่งกำลังเป็น Hub ของหลายอุตสาหกรรม
ดังนั้น สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือการเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ สร้างความร่วมมือ เกื้อกูล และปรับตัวไปด้วยกัน และเชื่อว่าการตลาดในสมัยหน้า กลุ่มประเทศ Asia จะเป็นผู้นำ นักการตลาดไทยจึงต้องเกาะติดสถานการณ์ ไว้ และมาร่วม Change-Innovate-Transform เพื่ออนาคต”
MAT สู่ การเป็น "Marketing Accelerator" ที่ผลักดัน การตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
ตลอดระยะเวลา 58 ปีที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2509 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยึดมั่นในภารกิจสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1. Branding the Nation การใช้องค์ความรู้ด้านการตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
2. Creating Net Positive การสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสร้างพลังบวกคืนสู่สังคม สิ่งแวดล้อม และโลกของเรา
3. Driving New Business Growth การเสริมความแกร่งหรือความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจของคนไทยให้สามารถเดินหน้าเติบโตต่อไป
4. Creating Platforms for Sustainable Advantage การสร้างและเชื่อมโยงพันธมิตรของสมาคมฯ ทั้งพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน
5. Marketing for All การสนับสนุนเรื่องการใช้ความรู้ด้านตลาดเพื่อคนตัวเล็กหรือหมายถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในการปรับบทบาทจาก "Platform" สู่การเป็น "Accelerator" โดยมีแผนร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำข้อมูล Foresight และ Insight ที่จำเป็น เพื่อให้นักการตลาดและผู้ประกอบการมีข้อมูลที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง
พร้อมกันนั้น คุณสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล อุปนายกฝ่าย Digital Marketing & Technology และศาสตราจารย์วิทวัส รุ่งเรืองผล กรรมการอำนวยการของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ยังได้แนะ "5 มุมมองที่นักการตลาดและผู้ประกอบการต้องคิดต่อ" ในการเสวนา โดยได้เผยกลยุทธ์สำคัญสำหรับ SMEs ไทยในการเร่งเครื่องสู่ความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด "A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs" ซึ่งนำเสนอมุมมองที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ
· A - Asia Market: มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดเอเชียที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะอาเซียน จีน และอินเดีย ผ่านช่องทาง e-commerce และการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
· B - Branding: สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งโดยเน้นการสร้างมูลค่าและคุณค่าที่แตกต่าง มุ่งเน้นการสร้างกำไรจากลูกค้าที่เห็นคุณค่าแบรนด์มากกว่าการเน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว
· C - Collaboration: ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
· D - Digital: นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของ SMEs ในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ
· E - Equity: ความถูกต้อง การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง เช่น ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคม การใช้ระบบบัญชีเดียว เพื่อความโปร่งใสและการเติบโตในอนาคต การดำเนินธุรกิจที่ในระยะยาวต้องสามารถสร้างกำไรได้ ไม่ใช่การเติบโตบนฐานของยอดขายจากการตัดราคา
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ SMEs ไทยจำเป็นต้องปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ แนวคิด A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs นี้จะเป็นเข็มทิศสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับลูกค้า มากกว่าการแข่งขันด้านราคา ซึ่งจะช่วยให้ SMEs สามารถสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว
ข่าวเด่น