SET ฟื้นตัวจากจุดต่ำเดิมบริเวณ 1280-1290 จุด สร้างสัญญาณรีบาวด์ และแรงซื้อส่วนหนึ่งจากกลุ่มแบงก์ เป็นปัจจัยหนุนตลาดที่คาดมีความต่อเนื่องในวันนี้ จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการใน Q2/67 ทำให้คาดดัชนีจะรีบาวด์ได้ต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1300 และ 1306 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับบริเวณ 1280-1290 จุด ยังรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ มิ.ย. เพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. และต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่ตัวเลขค่าจ้าง มิ.ย. เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 64 ด้านดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐ มิ.ย. โดย ISM ลดลงต่ำสุด นับตั้งแต่ พ.ค. 63 และต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่คำสั่งซื้อภาคโรงงาน พ.ค. ลดลงสวนทางที่ตลาดคาด ซึ่งตัวเลข ศก. และแรงงานของสหรัฐที่อ่อนแอนี้ ทำให้คาดการณ์ว่า Fed จะลด ดบ. ในการประชุมเดือน ก.ย.
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 12.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดจะลดลงเพียง 6.8 แสนบาร์เรล
• ปธน. เกาหลีใต้ประกาศลดภาษีสำหรับ บ. ที่เพิ่มผลตอบแทน (เพิ่มการจ่ายเงินปันผล) ให้กับผู้ถือหุ้น ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าองค์กร
• World Bank ปรับลดประมาณการ GDP ไทยในปีนี้เหลือโต 2.4%YoY จาก 2.8%YoY จากการส่งออกและการลงทุนภาครัฐในช่วงต้นปีที่น้อยกว่าคาด โดยยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแต่คาดอาจช่วยเพิ่มการเติบโตในระยะสั้นต่อไปได้
• กกร. กังวลอุปสงค์ยานยนต์-อสังหาฯ ใน ปท. ลดลง หลังยอดผลิตรถ 5M67 หดตัว 24%YoY ยอดโอนบ้าน 4M67 หดตัว 11%YoY กระทบ ศก. ไทย อีกทั้งนโยบายขึ้นค่าแรง 400 บ. สร้างผลกระทบต่อ SMEs
• ศาล รธน. กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในคดีที่ กกต. ขอให้วินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค. 67 โดยให้รอฟังผลการตรวจพยานหลักฐานของคู่กรณีในวันที่ 9 ก.ค. ก่อน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ มิ.ย. จีน อียูและสหรัฐฯ ซึ่งคาดจะออกมาทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM
3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT (ทั้งนี้ KCE SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
PTTEP มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้น และยังเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง คาดกำไร 2Q67 ดีต่อเนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณขายสูงเป็นประวัติการณ์ แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 153 บ.
GULF 2Q67 คาดกำไรปกติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีมุมมองบวกต่อการประมูลโรงไฟฟ้าที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 ครั้ง valuation ยังน่าสนใจ ปัจจุบันเทรดที่ PER 23 เท่า หรือ -1.5 SD ของ PER mean แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 40.25 บ.
ข่าวเด่น