คริปโตเคอเรนซี่
Scoop : Bitcoin ราคาลดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากความไม่แน่นอนทางการเมือง-อัตราดอกเบี้ยสูง


ดูเหมือนว่า ช่วงขาขึ้นของ Bitcoin ที่จะเอาชนะระดับ All Time High ล่าสุดจะไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อราคา Bitcoin ได้หลุดระดับ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ และร่วงลงสู่ 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน แม้จะมีการผันผวนขึ้นลงไปมา แต่จนตอนนี้ก็ยังตีกลับไปที่เลขหลัก 6 ไม่ได้ โดยสาเหตุที่ราคาของ Bitcoin ยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่ตลาดกระทิงตามแรงสนับสนุนที่มีมาตลอดต้นปีได้ เป็นเพราะสกุลเงินดิจิทัลยังคงเผชิญเข้ากับความไม่แน่นอนทางการเมืองและความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
 
ในช่วงภายหลังของการไปแตะ All Time High ที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ราคาได้ทำการย่อตัวและยังไม่สามารถเข้าไปแตะจุดสูงสุดเดิมดังกล่าวได้ แม้จะสามารถฟื้นกลับมาได้อีกครั้งที่ระดับราคา 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. แต่สุดท้ายก็ได้ร่วงลงมาเรื่อย ๆ จนแตะระดับราคาที่ 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน หรือลดลงกว่า 5% และมีการผันผวนขึ้นลงจนปัจจุบันเข้าสู่วันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค. ราคาได้ฟื้นขึ้นมาแตะที่ 58,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังไม่สามารถยืนในหลักเลข 6 ได้
 
โดยสาเหตุที่มูลค่าของ Bitcoin มีการร่วงลงนั้น เป็นเพราะได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ในประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ในการดีเบตประชันวิสัยทัศน์เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้ากับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ด้าน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน ได้พลาดท่าเสียเปรียบกับปัญหาด้านสุขภาพของเขา จากอาการพูดติดขัด ไม่สามารถนำเสนอนโยบายของพรรคได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้ไบเดนพิจารณาถอนตัวและเลือกแคนดิเดตคนใหม่ โดยในตลาดลงทุนก็มีฝ่ายที่คาดการณ์ว่า โจ ไบเดน อาจถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตในปี 2024 ซึ่งนับเป็นความไม่แน่นอนสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีโอกาสว่าผู้สมัครที่มาแทนไบเดน อาจมีการไม่เห็นด้วยกับสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin มากกว่าเดิม
 
และในประเด็นของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ที่อ้างอิงจาก FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ประกอบด้วย ครั้งแรกในเดือน ก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือน ธ.ค. แต่รายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมยังบ่งชี้ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับรายงานของการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนคริปโต
 
นอกจากนี้ อดีตผู้ให้บริการกระดานเทรดคริปโตที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Mt. Gox ที่ได้ล้มละลายจากการถูกแฮ็ค และได้ขโมย Bitcoin จากระบบไปถึง 650,000 BTC เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ล่าสุดได้ประกาศว่าบริษัทจะเริ่มชำระเงินคืนให้กับลูกค้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้ บริษัทได้มีการเคลื่อนย้าย Bitcoin รวมกว่า 47,000 BTC เพื่อเตรียมแจกจ่ายคืนลูกค้า นับเป็นการเพิ่ม Supply ของเหรียญที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดแรงขาย Bitcoin อย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่วันมานี้ อีกทั้งทางด้านรัฐบาลของเยอรมนี ที่ได้ถือครอง Bitcoin ไว้จำนวนมาก (ปัจจุบัน 41,226 BTC) ก็มีการโอน Bitcoin กว่า 3,000 BTC ไปยังกระดานเทรดและกระเป๋าเงินใหม่ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะขาย เพราะอ้างอิงข้อมูลจาก Arkham เปิดเผยว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันขาย Bitcoin ไปแล้วทั้งสิ้น 8,611 BTC นับเป็นการกระทำที่ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดลดลง
 
ในขณะเดียวกัน กระแสของ Spot Ethereum ETF ก็ได้ทำให้นักลงทุนหันไปให้ความสนใจ Ethereum มากขึ้น ซึ่งรายงานจาก Gemini คาดว่ากองทุนของเหรียญนี้ อาจดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนได้สูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งในตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่มีความเชื่อมโยงกัน ก็ทำให้มีแรงขาย Bitcoin เพื่อไปถือเหรียญ Ethereum แทนเพื่อเก็งกำไร

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ก.ค. 2567 เวลา : 20:54:07
04-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 4, 2024, 3:52 pm