คาด SET ยังอยู่ในช่วงรีบาวด์ โดยมีความคาดหวังทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และหวังเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. เป็นปัจจัยหนุน โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1315 และ 1320 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับบริเวณ 1300 และ 1290 จุดตามลำดับ คาดยังเป็นจุดรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของอังกฤษ นายเคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคแรงงาน จะขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ ขณะที่ผลเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบ 2 Exit Poll บ่งชี้กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้ายคะแนนนำอันดับ 1
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย. ของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงตามคาด และอัตราว่างงานสูงกว่าคาด และสูงสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 2564 หนุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลด ดบ. ใน ก.ย.
• สัญญาข้าวสาลี +3%DoD จากการส่งออกดีกว่าคาดของสหรัฐ ขณะที่สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองได้ปัจจัยบวกจากสภาพอากาศแห้งแล้งในพื้นที่เพาะปลูกสหรัฐ ด้านสัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์ก + 2.61%DoD
• พาณิชย์ ระบุเงินเฟ้อทั่วไป มิ.ย. 67 +0.62%YoY เพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในอัตราที่ชะลอตัวจากฐานค่าไฟฟ้าเริ่มคงที่ ราคาสินค้าอาหารสดสูงขึ้นแบบชะลอตัว แนวโน้ม 3Q67 ใกล้เคียง 2Q67 คาดทั้งปี 0-1%
• ม. หอการค้าไทยคาด ศก. ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นได้จากการเพิ่มมาตรการกระตุ้น ศก. ผ่านการท่องเที่ยว การเร่งเบิกจ่ายงบฯ ปี 2567 มากกว่า 70% จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเฉลี่ยเดือนละ 4.5 หมื่นลบ. ช่วง ก.ค.-ก.ย.
• สปส. ปรับพอร์ตลงทุนใหม่ มุ่งเน้นลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ระบุเพื่อให้สอดรับความเหมาะสมและศักยภาพของกองทุนฯ ด้าน กบข. ประเมินหุ้น SET50 น่าสนใจ เพราะราคาไม่แพง-มีเงินปันผล
• ก. คลัง ระบุภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ จะมีการแถลงเรื่องการลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ โดย ศาล รธน. นัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ก.ค. และคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%YoY จาก 3.3%YoY ใน พ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF
3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
GPSC มองได้ Sentiment บวกจาก Bond Yield สหรัฐที่ปรับลง เชื่อว่าปีที่เลวร้ายสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยกำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดกำไรปกติ 2Q67 ดีขึ้น YoY และ QoQ ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Avaada และ CFXD แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 39.50 บ.
CPALL 2Q67 คาดกำไรปกติและยอดขายสาขาเดิมโต YoY ดีกว่าผู้ประกอบ การรายอื่นในกลุ่มพาณิชย์ มองราคาหุ้น Undervalue ปัจจุบันซื้อขาย PER 67F ระดับ 21.6 เท่า คิดเป็น -2S.D. จากค่าเฉลี่ย PER 10 ปี สวนทางกำไรที่เติบโต คาดกำไรปกติปี 2567 โต 28%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น ดบ. จ่ายลดลง
ข่าวเด่น