เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Upside เริ่มจำกัด"


 


SET รีบาวด์เข้าใกล้แนวต้านเป้าหมายบริเวณ 1325 และถัดไปบริเวณ 1335 จุด ซึ่งคาดดัชนีจะเริ่มมี upside จำกัด ขณะที่นักลงทุนในตลาดรอติดตามถ้อยแถลงประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ดังนั้นให้ระวังแรงขายลดความเสี่ยงให้ดัชนีกลับมาอ่อนตัวได้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1310 และ 1300 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ
 
• ก. คลังระบุ 10 ก.ค. คณะอนุกรรมการฯ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตประชุมสรุปเงื่อนไข 15 ก.ค. เข้าสู่บอร์ดฯ ชุดใหญ่ 24 ก.ค. นายกฯ แถลงถึงกำหนดการเปิดลงทะเบียน และคาดจะเสนอเข้า ครม. 30 ก.ค.
 
• กรมสรรพสามิตของบกลางเพิ่มเติมอีก 7 พันลบ. เพื่อจ่ายอุดหนุนการดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV อีก 3.5 หมื่นคัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเสนอเข้า ครม. พิจารณา
 
• กสทช. ระบุ 13 ก.ค. นี้จะครบกำหนดยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย อันเป็นมาตรการยับยั้งการใช้บริการโทรศัพท์มือถือในการทำผิดหรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย
 
• อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนเบริล ส่งผลให้มีการปิดโรงกลั่นและท่าเรือหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโก โดย Shell ได้ระงับการผลิตน้ำมันตจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน Perdido ซึ่งผลิตน้ำมันราว 1 แสนบาร์เรล/วันหรือราว 5.5% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดในอ่าวเม็กซิโก
 
• Bloomberg ระบุอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนกำลังเผชิญกับปัญหาอุปทานล้นตลาด หลังจากมีการผลิตมากเกินความต้องการในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งรายงานตัวเลขขาดทุนใน 1Q67 เนื่องจากขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน
 
• ราคาหุ้น Boeing +0.55%DoD หลังบรรลุข้อตกลงกับ ก.ยุติธรรมสหรัฐในการยอมรับผิดและจ่ายค่าปรับ เพื่อแลกกับการยุติการสอบสวนและดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการตกของเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX
 
• ข้อมูลจาก Deloitte บ่งชี้การ IPO ในตลาดเอเชีย ตอ. เฉียงใต้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 6M67 จาก ดบ. สูง โดย market cap ลดลง 71% อยู่ที่เพียง 5.8 พันล้านเหรียญ

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ โดย ศาล รธน. นัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ก.ค. และคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%YoY จาก 3.3%YoY ใน พ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้ 

1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF

3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)

4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

CPALL 2Q67 คาดกำไรปกติโต 26%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ จากยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจาก CPAXT คาดกำไร 2H67 โต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มฯ อีกทั้งมองเป็น proxy ของกลุ่มฯ ที่จะได้ประโยชน์จากความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (เป็น upside ต่อประมาณการ)

HANA มองผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวใน 2Q67 และคาดฟื้นตัวชัดเจนใน 2H67 หนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้ และได้รับผลกระทบจำกัดจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ   
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.ค. 2567 เวลา : 12:18:53
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:38 pm