เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Upside จำกัด ติดตามการเมือง-เงินเฟ้อสหรัฐ"


 


คาด SET ยังมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1325 และ 1330 จุด ตามลำดับ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ รวมถึงนักลงทุนในตลาดรอติดตามคดีคุณสมบัตินายกฯ ในวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ทำให้ยังต้องระวังแรงขายลดความเสี่ยงให้ดัชนีกลับมาอ่อนตัวได้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ปธ. Fed แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ช้าหรือน้อยเกินไปอาจสร้างความอ่อนแอต่อ ศก. และการจ้างงาน ทั้งยังระบุหากมีข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีออกมาอีก จะช่วยให้ Fed เชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับลงสู่ 2% อย่างยั่งยืน

• Volkswagen Group ปรับลดคาดการณ์กําไรลงที่ 6.5%-7% จาก 7%-7.5% หลังมีความเสี่ยงปิดโรงงาน Audi Brussels จากอุปสงค์ EV ไฮเอนด์ที่อยู่ในระดับต่ํา

• ธปท. ระบุหนี้ครัวเรือน 5M67 หนี้เสียสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.14 ล้านลบ. สูงกว่าช่วงวิกฤติโควิดที่ 1.1 ล้านลบ. หนี้รถยนต์-บ้าน-บัตรเครดิต-สหกรณ์ ปรับขึ้นต่อ เตรียมประชุม ครม. ศก. แก้หนี้ครัวเรือน 15 ก.ค.

• วันนี้จับตาศาล รธน. นัดประชุมพิจารณาคดีถอดถอนนายกฯ หลังให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและส่งสำเนาเอกสารหลักฐานยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย

• วันนี้ กกพ. ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาค่า Ft งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค.67 คาดปรับเพิ่มขึ้นอีกหน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่หน่วยละ 4.18 บ. หลังต้องทยอยคืนชำระหนี้ให้กับ กฟผ. และหนี้ค่าเชื้อเพลิงให้กับ PTT

• ตลท. ระบุหารือกับ ก.ล.ต. ในการเปิดเผยข้อมูลกรณีที่ผู้บริหารใน บจ. นำหุ้นไปค้ำประกันเงินกู้หรือนำไปจำนอง ไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ให้ นลท. ได้รับทราบ จากปัจจุบันที่เปิดเผยข้อมูลเป็นรายเดือน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ โดย ศาล รธน. นัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ก.ค. และคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 17 ก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%YoY จาก 3.3%YoY ใน พ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้ 

1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT

2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF

3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)

4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

AOT มองกำไรจะเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น คาดกำไรปกติปี FY2567 เพิ่มขึ้นสู่ 2.3 หมื่นลบ. (+150%YoY) และ 2.8 หมื่นลบ. ในปี FY2568 (+23%YoY) ส่วนกำไรปกติ 3QFY67 (เม.ย.-มิ.ย. 67) คาดโต YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 57.25 บ.

GPSC มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากค่าก๊าซปรับลงและข่าว กกพ. เตรียมปรับขึ้นค่า Ft งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค.67 ขณะที่กำไรปกติ 2Q67 คาดปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ จากการได้ประโยชน์ต้นทุนก๊าซที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Avaada และ CFXD แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 39.75 บ.
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 ก.ค. 2567 เวลา : 11:13:26
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:26 pm