SET แม้ได้ sentiment บวก หลังถ้อยแถลงประธานเฟดต่อ สภาคองเกรส สร้างความหวังเฟดลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคที่เข้าสู่ภาวะ overbought และนักลงทุนรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐในคืนนี้ ทำให้คาดดัชนียังมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1330 และ 1335 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1310-1315 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ปธ. Fed ส่งสัญญาณว่า Fed มีแนวโน้มปรับลด ดบ. ในไม่ช้า โดยระบุว่า Fed กำลังให้ความสนใจต่อตลาดแรงงานที่กำลังชะลอตัวลง และ Fed จะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ถึงจะเริ่มปรับลด ดบ.
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนเบริลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันกว่า 40% ของอุปทานน้ำมันดิบในสหรัฐ
• ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย +2.4%DoD สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจาก TSMC รายงานรายได้สูงกว่าคาดใน 2Q67 อานิสงส์จากกระแสความต้องการเทคโนโลยี AI
• ก. คลังระบุข้อสรุปโครงการเติมเงิน ดิจิทัล วอลเล็ทปรับลดวงเงินเหลือ 4.5 แสนลบ. ปรับใช้แหล่งเงินใหม่จากงบฯ ปี 67 และปี 68 เท่านั้น ไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส. และเพิ่มสินค้าที่ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ทซื้อได้อีก 3 รายการ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรศัพท์มือถือ
• ก. คลัง ระบุเตรียมหารือ ธปท. ทบทวนหลักเกณฑ์ LTV หลังพบปัญหาหนี้เสียจำนวนมากเป็นปัจจัยหลักกดดันธุรกิจอสังหาฯ ไม่โต เตรียมเสนอแนวคิดให้ต่างชาติถือครองที่ดิน 99 ปี หนุนตลาดฟื้นตัว
• กรมสรรพสามิตระบุ 14 บ. ผูผลิตรถ EV ต้องผลิตรถชดเชยนำเข้าปี 65-68 รวม 1.8 แสนคัน ตามมาตรการอุดหนุน EV 3.0 ด้านสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยระบุต้องหาตลาดรองรับ กังวลตลาดไทยอุปทานล้นตลาด ทั้งจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง สินเชื่อตีกลับสูง
• ศาล รธน. นัดถกคดีคุณสมบัตินายกฯ ต่อ 24 ก.ค. เหตุเรียกข้อมูลเพิ่ม และรอความเห็น หลักฐานจากบุคคล-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่อาจจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ คาดจะชะลอตัวลงเหลือ 3.1%YoY จาก 3.3%YoY ใน พ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF
3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
HANA มองผลการดำเนินงาน 2Q67 ฟื้นตัว และฟื้นตัวเด่น 2H67 จากการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้ และผลกระทบจำกัดจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 48 บ.
TOP ระยะสั้นได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้น ค่าการกลั่นฟื้นจากจุดต่ำสุด หนุนโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินตามฤดูกาล คาดผลการดําเนินงานธุรกิจอะโรเมติกส์ดีขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง หนุนจากอุปทานที่ตึงตัวในเอเชีย แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 53.25 บ.
ข่าวเด่น