เงินเฟ้อสหรัฐในเดือน มิ.ย. ที่ชะลอตัวต่อเนื่อง คาดช่วยหนุน SET ได้ในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม มองดัชนีขึ้นมาสะท้อนความหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดใน ก.ย. ระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นทิศทางการเคลื่อนไหวให้ระวังแรงขายทำกำไรเหมือนตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืน ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1335-1340 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1320-1325 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานดัชนี CPI ทั่วไป มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.0%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.3%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ นลท. มีความหวังว่า Fed จะปรับลด ดบ. 0.25% ในการประชุม ก.ย.
• IEA คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกจะโตช้าลงเหลือราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งในปี 2567 และปี 2568 จากการบริโภคของจีนที่หดตัวใน 2Q67 ท่ามกลางความท้าทายทาง ศก.
• ม. หอการค้าไทยระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.67 ปรับลงต่อเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่ ต.ค.66 จากกังวลการเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพ ราคาพลังงานสูงขึ้น ศก. โลกชะลอ สงครามในตะวันออกกลางยืดเยื้อ
• ธปท. ระบุได้หารือกับกรรมการผู้จัดการของ ธพ. ขนาดใหญ่และผู้แทนสมาคมธนาคารไทยเมื่อ 10 ก.ค. เพื่อผลักดันมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้อย่างทันท่วงที
• Honda Motor ระบุมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตรถยนต์ในไทยมากกว่า 50% จากระดับ 2.7 แสนคันต่อปี เหลือเพียง 1.2 แสนคันต่อปี ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงกับคู่แข่งจากจีน
• นายกฯ ระบุจะมีการแถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 24 ก.ค. ทั้งในเรื่องงบประมาณ และประเภทสินค้าที่จะร่วมในโครงการ ด้าน ก. คลัง ระบุแม้ลดวงเงินลงแต่คาดยังช่วยหนุน GDP โต 1.3-1.8% ตามที่ประเมินไว้ตั้งแต่ต้นของการคิดโครงการ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศน่าจะได้รับแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น อีกทั้งดัชนี CPI มิ.ย. ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเหลือ 3.0%YoY ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM GULF
3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก SCGP TU MINT (ทั้งนี้ SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)
4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPALL 2Q67 คาดกำไรปกติโต 26%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ จากยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจาก CPAXT คาดกำไร 2H67 โต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มฯ อีกทั้งมองเป็น proxy ของกลุ่มฯ ที่จะได้ประโยชน์จากความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (เป็น upside ต่อประมาณการ)
GPSC มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากค่าก๊าซปรับลงและข่าว กกพ. มีมติเห็นชอบปรับขึ้นค่า Ft งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค.67 ขณะที่กำไรปกติ 2Q67 คาดปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ จากการได้ประโยชน์ต้นทุนก๊าซที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Avaada และ CFXD แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 42 บ.
ข่าวเด่น