SET เข้าสู่โซนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1335-1340 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคเข้าภาวะ overbought และตลาดได้รับ sentiment ลบ จากประเด็น กลต. กล่าวโทษการทุจริตผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน กระทบด้านความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาด ทำให้มองดัชนียังมี upside จำกัด และให้ระวังการอ่อนตัว โดยต่ำกว่า 1325 จุด จะเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ก.ค. ปรับลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่ดัชนี Headline PPI มิ.ย. ปรับขึ้น 2.6%YoY และดัชนี Core PPI มิ.ย. ปรับขึ้น 3.0%YoY สูงกว่าตลาด
• ทางการจีนรายงานยอดนำเข้า มิ.ย. ลดลง 2.3%YoY สวนทางตลาดคาดเพิ่มขึ้น ส่วนยอดส่งออก มิ.ย. เพิ่มขึ้น 8.6%YoY สูงกว่าตลาดคาด ยอดเกินดุลการค้า มิ.ย. ที่ 9.905 หมื่นล้านเหรียญ สูงกว่าตลาดคาด
• สหภาพแรงงานซัมซุงอิเลคโทรนิคส์แห่งชาติ (NSEU) กำลังเรียกร้องให้พนักงานในโรงงานผลิตชิปหน่วยความจำ AI ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของบริษัท หยุดงานประท้วง คาดกระทบการผลิต
• ก. มหาดไทยกำลังดำเนินการออกประกาศฯ กำหนดรายชื่อ ปท. และดินแดนที่ได้วีซ่าฟรี สามารถพำนักในได้ไม่เกิน 60 วัน เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้นจำนวน 93 ปท./ดินแดน จากเดิมที่มีอยู่ 57 ปท./ดินแดน
• ติดตามการประชุม ครม. ศก. วันนี้ เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้น ศก. ระยะเร่งด่วน โดยเฉพาะแก้หนี้ประชาชน และการช่วยเหลือภาคเกษตร หากมาตรการใดสามารถมีข้อสรุปก็จะนำเสนอให้ ครม. พิจารณา
• ก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการ-ผู้บริหาร EA รวม 3 ราย ต่อ DSI กรณีร่วมกระทำการทุจริต พร้อมส่งเรื่องต่อ ปปง. ทั้งนี้มองเป็น sentiment ลบต่อการลงทุน โดยแนะนำติดตาม EA เตรียมแถลงเปิดตัวบอร์ดบริหารชุดใหม่เช้านี้เพื่อชี้แจงการดำเนินธุรกิจในระยะถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและมี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อและยังต้องรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่น่าจะยังแข็งแกร่ง ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีของ ECB ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF
2) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
AOT มองกำไรจะเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น คาดกำไรปกติปี FY2567 เพิ่มขึ้นสู่ 2.3 หมื่นลบ. (+150%YoY) และ 2.8 หมื่นลบ. ในปี FY2568 (+23%YoY) ส่วนกำไรปกติ 3QFY67 (เม.ย.-มิ.ย. 67) คาดโต YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 59 บ.
BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติโต 13%YoY สู่ 1.6 พันลบ. โดยการดำเนินงานและกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดภูมิภาคที่ 28 เท่า
ข่าวเด่น