คาด SET มีกรอบบนจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1335 และ 1340 จุด ตามลำดับ โดยมองตลาดรับรู้เฟดจะลดดอกเบี้ยในก.ย. ระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่สัญญาณเทคนิคเข้าภาวะ overbought และปัจจัยลบกลุ่มแบงก์กังวลปัญหาหนี้ EA กดดันดัชนี ด้านกรอบล่างมีแนวรับ 1320 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบต่อภาพการพักตัว
• ถ้อยแถลง ปธ. Fed ที่สมาคม ศก.แห่งวอชิงตัน ยังคงระบุ Fed จะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับลงสู่ 2% ก่อนจะเริ่มลด ดบ. และไม่คิดว่า ศก. สหรัฐจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
• ตลาดคาดเหตุการณ์ลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ใน พ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ทรัมป์ดำเนินนโยบายการค้าแบบเชิงรุก เดินหน้าปรับลดภาษี และผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เป็นวงกว้าง
ประเด็นสำคัญ
• GDP 2Q67 ของจีน +4.7%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดคาดและชะลอตัวจาก 1Q67 ที่ +5.3%YoY ส่วนยอดค้าปลีก มิ.ย. +2%YoY ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 65 สะท้อนมาตรการรัฐไม่ได้ช่วยให้ผู้บริโภคเพิ่มใช้จ่าย
• IDC ระบุข้อมูลเบื้องต้นว่า 2Q67 ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6.5%YoY แตะที่ระดับ 285.4 ล้านเครื่อง โดย Apple มียอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 45.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 1.5%YoY หนุนจากที่บริษัทลดราคาสินค้าและจัดโปรโมชันในหลายภูมิภาค
• ครม. ศก. เตรียมหาแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนก่อน ส่วนหนี้นอกระบบจะใช้หลักการเดียวกับพิโกไฟแนนซ์ และออกใบอนุญาตเพื่อให้เจ้าหนี้นอกระบบกลับเข้าสู่ระบบ
• นายกฯ ระบุโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเปิดให้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนวันแรก 1 ส.ค. บนแอปทางรัฐ ส่วนการแถลงรายละเอียดตามกำหนดเดิม 24 ก.ค. เตรียมเสนอ ครม. สัปดาห์หน้า แหล่งที่มาเงินใช้งบฯ ปี 67-68
• ติดตามพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาเรื่องร่าง พ.ร.บ. งบประมาณเพิ่มเติมงบปี 67 จำนวน 1.22 แสนลบ. เพื่อใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะเป็นการพิจารณาในวาระแรกแค่หนึ่งวันและแปรญัตติอีกสองวัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 19-20 ก.ค. ที่จะถึงนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและมี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อและยังต้องรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่น่าจะยังแข็งแกร่ง ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีของ ECB ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF
2) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
BTG 2Q67 คาดพลิกมีกำไรสุทธิ 574 ลบ. ส่วน 3Q67 คาดกำไรเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และเพิ่มขึ้น YoY จากราคาสัตว์บกในประเทศที่สูงสุดในรอบ 1 ปีใน 3Q67TD อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน proxy ของหุ้นกลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นใน 2H67 แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 23 บ.
PTTEP มองราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง โดย 2Q67 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2.1 หมื่นลบ. หนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและ ASP ในระดับทรงตัว
ข่าวเด่น