เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แนวโน้มอ่อนตัว มีปัจจัยกดดัน"


 

คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัว โดยมีปัจจัยกดดันจาก 1) sentiment ลบ หุ้นกลุ่มเทคฯ ปรับลงแรง 2) ความกังวลปัจจัยการเมืองในประเทศ และ 3) สัญญาณเทคนิคเป็นลบ หลังปิดต่ำกว่า 1320 จุด ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1325 และ 1330 จุด

ประเด็นสำคัญ

• รัฐบาลสหรัฐพิจารณาออกมาตรการเข้มงวดบังคับใช้ต่อบริษัทเทคฯ ที่ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน. สหรัฐ กล่าวว่าไต้หวันควรจ่ายเงินให้กับสหรัฐเพื่อเป็น คชจ. ในการปกป้องไต้หวัน

• คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ คกก. Fed ส่งสัญญาณว่า Fed เตรียมปรับลด ดบ. ในไม่ช้า ตราบที่ไม่มีเรื่องประหลาดใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับเงินเฟ้อและการจ้างงาน ส่งผลราคาทองคำขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ bond yield 10 ปีสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาดจะลดลงเพียง 3 หมื่นบาร์เรล และมากกว่าที่ API รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล

• ADB คงคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ 2.6% หนุนจากการท่องเที่ยว-การบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่กังวลความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดต่ำลง การลงทุนภาครัฐยังล่าช้า คาดหวัง GDP ปีหน้าโต 3%

• ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มิ.ย. 67 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดรอบ 24 เดือน จาก ศก. ใน ปท. ฟื้นตัวช้า กำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแอ ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อโดยรวมลดลง

• สภาฯ มีมติ 297 ต่อ 164 เสียง รับร่าง พ.ร.บ.งบฯ เพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนลบ. กระตุ้น ศก. ผ่านโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบ. ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

• BOI เตรียมออกมาตรการจูงใจผู้ประกอบการจากจีนที่เข้ามาลงทุนผลิต EV ในไทยใช้ชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยแข็งแกร่งและสามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและมี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อและยังต้องรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่น่าจะยังแข็งแกร่ง ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีของ ECB ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้

1) หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF

2) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT

3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL GULF

4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

GFPT 2Q67 คาดกำไรปกติที่ 524 ลบ. โต 57%YoY อัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรดีขึ้นจากยอดขายส่งออกที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง และเพิ่มขึ้น 19%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คาดกำไร 3Q67 โต YoY จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ราคาผลิตภัณฑ์ระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำ

BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติที่ 3.4 พันลบ. โต 11%YoY จากการเติบโตของรายได้และ EBITDA Margin แต่ลดลง 17%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นลบ. โดยกำไรจะแข็งแกร่งใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 26 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.ค. 2567 เวลา : 11:34:20
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:44 pm