SET แม้มีโอกาสฟื้นตัว จากลงแรงเมื่อวาน และปัจจัยหนุนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลจะมีการแถลงความคืบหน้าในวันนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณยังอ่อนแรง ทำให้คาดการฟื้นตัวถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1310 และ 1320 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1294 จุด หากต่ำกว่า เป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1287 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2%DoD หลังนายกฯ อิสราเอลระบุขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยสั่งให้คณะเจรจาของอิสราเอลทำการเจรจาหยุดยิงครั้งใหม่ในวันพรุ่งนี้
• ครม. เห็นชอบคงค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. 2567 ที่ 4.18 บ./หน่วย และมีมาตรการดูแลค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนที่ 3.99 บ./หน่วย อีกทั้งคงเพดานดีเซลไม่เกิน 33 บ./ลิตร
• ก. คลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่ม เพื่อดูแลอสังหาฯ ที่มียอดค้างสต๊อกจำนวนมาก โดยรอผ่านความเห็นชอบจาก ครม.
• วันนี้ติดตาม รมว. คลัง แถลงรายละเอียดการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ รมว. พาณิชย์ ระบุแจกเงินดิจิทัล ต.ค. นี้ เตรียมผลักดันร้านค้าธงฟ้าเข้าร่วม 1.5 แสนร้านค้าและ 7-11 เข้าร่วมโครงการ
• วันนี้จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีถอดถอนนายกฯ
• สมาคมโรงแรมไทยระบุสถานการณ์การท่องเที่ยว 1 ม.ค. - 14 ก.ค.67 ดีกว่าปี 2566 จำนวน นทท. ต่างชาติกว่า 18 ล้านคน +34%YoY จำนวน นทท. สูงสุด 5 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย
• สคร. ระบุ ก. คลังได้พิจารณากรอบการขายหุ้นที่ถืออยู่นอก ตลท. เบื้องต้นมี 25 บ. มูลค่ารวม 2 หมื่นลบ. โดยหุ้นบางตัวนอกจากจะไม่สร้างรายได้เพิ่ม ยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลอีกด้วย
• บราซิลประกาศพบการระบาดของโรคนิวคาสเซิลในสัตว์ปีกในรอบ 18 ปี ทำให้ได้ระงับและจำกัดการส่งออกอย่างสมัครใจ ทั้งเนี้เรามองหากยืดเยื้อมีแนวโน้มเป็นบวกต่อผู้ประกอบการส่งออกไก่จากไทย (GFPT, CPF, BTG) ซึ่งส่งออกไก่ไปยังญี่ปุ่น ยุโรป และจีน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดได้แรงหนุนจากสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย โดยคาดดัชนี PCE และ PMI ของสหรัฐจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งงบ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐน่าจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีความคาดหวังต่อ Fund Flow ที่จะไหลกลับสู่ตลาด EM อาจจะยังจำกัดจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและค่าเงินดอลลาร์ที่ยังไม่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ในประเทศและติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทย ส่วนสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF TRUE
2) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
BEM 2Q67 คาดกำไรจะเติบโต 16.3%QoQ และ 9.4%YoY สู่ 985 ลบ. ส่วน 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต QoQ และ YoY ต่อเนื่อง อีกทั้งมองมี Upside Risk เพิ่มเติมจากโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (double deck) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการ
CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันลบ. เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT ส่วนแนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ เช่นกัน จากการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT
ข่าวเด่น