จีนตอนใต้เผชิญน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่มิ.ย.2024 คาดฉุดผลผลิตข้าวจีนทั้งปี 2024 ลดลง 3%YoY หรือคิดเป็นกว่า 4 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 20 ปี
• จีนคงทยอยนำเข้าข้าวเพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหาย และเพื่อเพิ่มสต็อกตามนโยบายความมั่นคงด้านอาหาร โดยจีนคงเลือกนำเข้าจากไทยเป็นหลัก เพราะตรงกับฤดูข้าวหลักออกสู่ตลาด ทำให้ไทยอาจได้รับอานิสงส์ แต่คงไม่มากเพราะต้องแข่งกับข้าวเวียดนามที่ราคาถูกกว่า
• แม้ไทยจะได้อานิสงส์หลังจีนน้ำท่วม แต่คาดทั้งปี 2024 อาจยังเห็นปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนลดลง 2%YoY ขณะที่ราคาอาจพุ่ง 14%YoY หนุนมูลค่าส่งออกเติบโต 12%YoY
จีนตอนใต้เผชิญน้ำท่วมใหญ่ปี 2024 ฉุดผลผลิตข้าวเสียหายหนัก โดยฝนตกหนัก/น้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตั้งแต่มิ.ย.2024 และบางพื้นที่ฝนตกหนักเตือนระดับสีแดง จนทางการจีนต้องออกประกาศรับมือน้ำท่วมฉุกเฉินในพื้นที่ระดับมณฑล 4 แห่ง และล่าสุดในต้นก.ค.ได้เกิดเขื่อนแตกในมณฑลหูหนาน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวใหญ่ที่สุดในแถบแม่น้ำแยงซี
ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวทางตอนใต้ของจีนคิดเป็นมากกว่า 65% ของผลผลิตข้าวทั้งประเทศ (รูปที่ 1) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูหลัก นอกจากนี้ ผลของน้ำท่วมอาจกระทบต่อเนื่องไปยังข้าวในฤดูรองของจีนที่อาจได้รับความเสียหายด้วย ทำให้คาดว่าภาพรวมผลผลิตข้าวจีนทั้งปี 2024 อาจลดลง 3%YoY หรือลดลงราว 4 ล้านตัน รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี
จีนอาจทยอยนำเข้าข้าวเพิ่มหลังน้ำท่วม เพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหายและเพื่อเป็นความมั่นคงด้านอาหาร แม้จีนจะผลิตข้าวได้เอง แต่ด้วยประชากรจำนวนมากที่บริโภคข้าวเป็นหลัก จีนจึงยังต้องนำเข้าข้าวทุกปี และเพื่อเป็นไปตามนโยบายหมายเลขที่ 1 ของจีนที่เน้นเรื่องความมั่นคงด้านอาหารอย่างจริงจังตลอดจนเป้าหมายสู่การเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านการเกษตรเป็นภารกิจหลัก ทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างน้ำท่วมใหญ่ จีนจึงอาจจำเป็นต้องนำเข้าข้าวเพิ่มเพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหาย และเติมสต็อกให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ สะท้อนผ่านสัดส่วนปริมาณสต็อกต่อการบริโภคต่อปีของจีนที่ชี้ให้เห็นถึงระดับความมั่นคงด้านอาหาร (รูปที่ 2)
ทั้งนี้ คาดว่าอย่างน้อยที่สุดจีนจะต้องรักษาระดับสัดส่วนสต็อกต่อการบริโภคข้าวในปี 2024 ไว้ที่ราว 68% หรือมีกันไว้เป็นสต็อกสำหรับบริโภคในประเทศได้ราว 8.2 เดือนจากทั้งปี ซึ่งคงเป็นสัดส่วนใกล้เคียงปีก่อน/ก่อนโควิด โดยอาจเห็นจีนทยอยนำเข้าข้าวมากขึ้นในก.ย.-ธ.ค.2024 หลังสถานการณ์น้ำท่วมหนักช่วงมิ.ย.-ส.ค.คลี่คลายลง
จีนอาจเลือกนำเข้าจากไทยเป็นหลัก เพราะตรงกับฤดูข้าวหลักของไทยที่มีผลผลิตออกสู่ตลาด (ข้าวนาปี) ในจังหวะที่ผลผลิตข้าวของจีนและคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามมีผลผลิตทยอยลดลงตามฤดูกาล โดยคาดว่าไทยอาจได้อานิสงส์จากจีนเกิดน้ำท่วม จะหนุนให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนในมิ.ย.-ธ.ค.2024 โตราว 2%YoY (จาก 0.31 ล้านตันในปี 2023 เป็น 0.32 ล้านตันในปี 2024)
อย่างไรก็ดี ด้วยภาพรวมราคาข้าวไทยที่สูงกว่าเวียดนาม (รูปที่ 3) จะเป็นปัจจัยกดดันสำคัญที่ทำให้ไทยแข่งขันได้ยาก ซึ่งอาจลดทอนผลของอานิสงส์ที่ไทยจะได้รับและอาจกระทบต่อส่วนแบ่งตสาดข้าวไทยในจีน
แม้ไทยจะได้อานิสงส์จากน้ำท่วมใหญ่ในจีน แต่คาดว่าภาพทั้งปี 2024 จะยังคงเห็นปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนที่หดตัวราว 2%YoY (จาก 0.47 ล้านตันในปี 2023 เป็น 0.46 ล้านตันในปี 2024) เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทยที่ลดลง ขณะที่คาดว่าราคาข้าวคงพุ่งราว 14%YoY จะช่วยหนุนมูลค่าส่งออกข้าวไทยไปจีนให้ขยายตัวได้ราว 12%YoY (จาก 311 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2023 เป็น 347 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2024) (รูปที่ 4)
จีนเผชิญน้ำท่วมใหญ่ ฉุดผลผลิตข้าวเสียหายหนัก แม้ไทยจะได้อานิสงส์ แต่ปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนปี 2024 อาจยังหดตัว 2%YoY
จีนตอนใต้เผชิญน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่มิ.ย.2024 คาดฉุดผลผลิตข้าวจีนทั้งปี 2024 ลดลง 3%YoY หรือคิดเป็นกว่า 4 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 20 ปี
• จีนคงทยอยนำเข้าข้าวเพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหาย และเพื่อเพิ่มสต็อกตามนโยบายความมั่นคงด้านอาหาร โดยจีนคงเลือกนำเข้าจากไทยเป็นหลัก เพราะตรงกับฤดูข้าวหลักออกสู่ตลาด ทำให้ไทยอาจได้รับอานิสงส์ แต่คงไม่มากเพราะต้องแข่งกับข้าวเวียดนามที่ราคาถูกกว่า
• แม้ไทยจะได้อานิสงส์หลังจีนน้ำท่วม แต่คาดทั้งปี 2024 อาจยังเห็นปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนลดลง 2%YoY ขณะที่ราคาอาจพุ่ง 14%YoY หนุนมูลค่าส่งออกเติบโต 12%YoY
จีนตอนใต้เผชิญน้ำท่วมใหญ่ปี 2024 ฉุดผลผลิตข้าวเสียหายหนัก โดยฝนตกหนัก/น้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตั้งแต่มิ.ย.2024 และบางพื้นที่ฝนตกหนักเตือนระดับสีแดง จนทางการจีนต้องออกประกาศรับมือน้ำท่วมฉุกเฉินในพื้นที่ระดับมณฑล 4 แห่ง และล่าสุดในต้นก.ค.ได้เกิดเขื่อนแตกในมณฑลหูหนาน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวใหญ่ที่สุดในแถบแม่น้ำแยงซี
ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวทางตอนใต้ของจีนคิดเป็นมากกว่า 65% ของผลผลิตข้าวทั้งประเทศ (รูปที่ 1) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูหลัก นอกจากนี้ ผลของน้ำท่วมอาจกระทบต่อเนื่องไปยังข้าวในฤดูรองของจีนที่อาจได้รับความเสียหายด้วย ทำให้คาดว่าภาพรวมผลผลิตข้าวจีนทั้งปี 2024 อาจลดลง 3%YoY หรือลดลงราว 4 ล้านตัน รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี
จีนอาจทยอยนำเข้าข้าวเพิ่มหลังน้ำท่วม เพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหายและเพื่อเป็นความมั่นคงด้านอาหาร แม้จีนจะผลิตข้าวได้เอง แต่ด้วยประชากรจำนวนมากที่บริโภคข้าวเป็นหลัก จีนจึงยังต้องนำเข้าข้าวทุกปี และเพื่อเป็นไปตามนโยบายหมายเลขที่ 1 ของจีนที่เน้นเรื่องความมั่นคงด้านอาหารอย่างจริงจังตลอดจนเป้าหมายสู่การเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านการเกษตรเป็นภารกิจหลัก ทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างน้ำท่วมใหญ่ จีนจึงอาจจำเป็นต้องนำเข้าข้าวเพิ่มเพื่อชดเชยผลผลิตที่เสียหาย และเติมสต็อกให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ สะท้อนผ่านสัดส่วนปริมาณสต็อกต่อการบริโภคต่อปีของจีนที่ชี้ให้เห็นถึงระดับความมั่นคงด้านอาหาร (รูปที่ 2)
ทั้งนี้ คาดว่าอย่างน้อยที่สุดจีนจะต้องรักษาระดับสัดส่วนสต็อกต่อการบริโภคข้าวในปี 2024 ไว้ที่ราว 68% หรือมีกันไว้เป็นสต็อกสำหรับบริโภคในประเทศได้ราว 8.2 เดือนจากทั้งปี ซึ่งคงเป็นสัดส่วนใกล้เคียงปีก่อน/ก่อนโควิด โดยอาจเห็นจีนทยอยนำเข้าข้าวมากขึ้นในก.ย.-ธ.ค.2024 หลังสถานการณ์น้ำท่วมหนักช่วงมิ.ย.-ส.ค.คลี่คลายลง
จีนอาจเลือกนำเข้าจากไทยเป็นหลัก เพราะตรงกับฤดูข้าวหลักของไทยที่มีผลผลิตออกสู่ตลาด (ข้าวนาปี) ในจังหวะที่ผลผลิตข้าวของจีนและคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามมีผลผลิตทยอยลดลงตามฤดูกาล โดยคาดว่าไทยอาจได้อานิสงส์จากจีนเกิดน้ำท่วม จะหนุนให้ปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนในมิ.ย.-ธ.ค.2024 โตราว 2%YoY (จาก 0.31 ล้านตันในปี 2023 เป็น 0.32 ล้านตันในปี 2024)
อย่างไรก็ดี ด้วยภาพรวมราคาข้าวไทยที่สูงกว่าเวียดนาม (รูปที่ 3) จะเป็นปัจจัยกดดันสำคัญที่ทำให้ไทยแข่งขันได้ยาก ซึ่งอาจลดทอนผลของอานิสงส์ที่ไทยจะได้รับและอาจกระทบต่อส่วนแบ่งตสาดข้าวไทยในจีน
แม้ไทยจะได้อานิสงส์จากน้ำท่วมใหญ่ในจีน แต่คาดว่าภาพทั้งปี 2024 จะยังคงเห็นปริมาณส่งออกข้าวไทยไปจีนที่หดตัวราว 2%YoY (จาก 0.47 ล้านตันในปี 2023 เป็น 0.46 ล้านตันในปี 2024) เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทยที่ลดลง ขณะที่คาดว่าราคาข้าวคงพุ่งราว 14%YoY จะช่วยหนุนมูลค่าส่งออกข้าวไทยไปจีนให้ขยายตัวได้ราว 12%YoY (จาก 311 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2023 เป็น 347 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2024) (รูปที่ 4)
ข่าวเด่น