(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ขยายตัวที่ 2.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตที่ 2.1% สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัว จึงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67
(+/-) ตลาดยังคงมีความกังวลต่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางระหว่าง อิสราเอล และกลุ่มติดอาวุธฮามาส หลังอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีเมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มีการเปิดเเผยว่าการเจรจาหยุดยิงชั่วคราวใกล้จะได้ข้อสรุป
(-) ความต้องการเชื้อเพลิงทั่วโลกลดลง ทำให้จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลกมีการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง ส่งผลให้การกลั่นน้ำมันของจีนอยู่ในระดับต่ำ โดยกำลังการกลั่นในเดือน มิ.ย. 67 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ที่ 14.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่เดือน ก.ค. 67 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงเดือน มิ.ย. 67
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ค. 67 ลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 227.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 400,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันดีเซลของอินเดียเดือน มิ.ย. 67 ลดลง 13.98% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ส่งผลให้การส่งออกอยู่ที่ระดับ 2.58 ล้านตัน นอกจากนั้น รัสเซียกำลังพิจารณาห้ามส่งออกดีเซลเนื่องจากอุปทานในประเทศมีอยู่อย่างจำกัด
ข่าวเด่น