การค้า-อุตสาหกรรม
สศก. เผยตัวเลขดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ปี 66 อยู่ที่ระดับ 80.79 พัฒนาในระดับดี ด้านสุขอนามัยและด้านสังคม พัฒนาในระดับดีมาก ขณะที่ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการศึกษา ต้องปรับปรุงแก้ไข


นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก. ได้จัดทำดัชนีความผาสุกของเกษตรกร เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเครื่องมือชี้วัดความสำเร็จการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรรวมทั้งใช้เป็นตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2566 - 2570 โดยดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ประกอบด้วย ด้านได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขอนามัย ด้านการศึกษา ด้านสังคม และ ด้านสิ่งแวดล้อม

 
สำหรับดัชนีความผาสุกของเกษตรกรระดับประเทศ ในปี 2566 มีค่าอยู่ที่ระดับ 80.79 เป็นการพัฒนา อยู่ในระดับดี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2565 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ระดับ 80.46 และเมื่อพิจารณาดัชนีความผาสุกของเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค พบว่า ภาคใต้ มีค่าดัชนีสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 82.29 รองลงมา คือ ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 81.22 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 80.98 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 80.14 ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดี โดยรายละเอียดในแต่ละด้านมีดังนี้ ด้านสุขอนามัย ระดับประเทศมีค่าดัชนีอยู่ที่ 99.86 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ใกล้เคียงกับปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 99.85 โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าดัชนีสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 99.91 รองลงมา คือ ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 99.88 ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 99.82 และภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 99.65 ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของครัวเรือนเกษตรที่ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐได้มีการขับเคลื่อนการเป็นเมืองสุขภาพดี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งส่งเสริม ให้มีการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ( สินค้าเกษตรปลอดภัย และสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของเกษตรกรผู้ผลิต ผู้บริโภค ตลอดจนช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

 
ด้านสังคม ระดับประเทศมีค่าดัชนีอยู่ที่ 92.83 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก เพิ่มขึ้นจาก ปี 255 ซึ่งอยู่ที่ 91.06โดยภาคเหนือ มีค่าดัชนีสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 94.37 รองลงมา คือ ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 93.46 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 92.08 และภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 91.84 ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก เป็นผลจากการที่สมาชิกในครัวเรือนเกษตรมีการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครัวเรือน ขณะเดียวกันภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

 
ด้านเศรษฐกิจ ระดับประเทศมีค่าดัชนีอยู่ที่ 76.97 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง ลดลงจากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 78.26 โดยภาคใต้ มีค่าดัชนีสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 84.88 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดี รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 78.21 และภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 77.35 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง และภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 67.03 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง โดยผลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรและแรงงานเกษตร พบว่าการมีสิทธิในที่ดินทำกินของเกษตรกรลดลง เนื่องจากปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ทำให้เกษตรกรจำเป็นต้องจำหน่ายที่ดินทำกินของตนเองบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ครัวเรือนเกษตรมีค่าใช้จ่าย ในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากความเครียด ปัญหาทางด้านรายได้และภาระหนี้สิน

 
 
ด้านสิ่งแวดล้อม ระดับประเทศมีค่าดัชนีอยู่ที่ 62.39 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ใกล้เคียงกับปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 62.67 โดยภาคเหนือ มีค่าดัชนีสูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 75.70 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง รองลงมา คือ ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 62.49 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 58.40 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 55.60 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากในปี 2566 มีพื้นที่เป้าหมายที่ได้รับการฟื้นฟูทรัพยากรดินลดลงจากปี 2565 ขณะที่สัดส่วนพื้นที่ป่าต่อพื้นที่ทั้งหมดของประเทศลดลงเช่นกัน เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้เปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่ป่าไม้ไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึง มีพื้นที่ป่าได้รับผลกระทบจากไฟป่าเพิ่มขึ้น

LastUpdate 26/07/2567 14:24:43 โดย : Admin
08-09-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 8, 2024, 6:24 am