เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ เงินบาทแข็งค่าขึ้น หุ้นไทยพลิกกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้ช่วงปลายสัปดาห์


สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

• เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
 
เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และยังคงรักษาทิศทางแข็งค่าไว้ได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนซึ่งได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์ว่า อาจเห็นธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ 
ขณะที่ Sentiment เงินดอลลาร์ฯ ตลอดทั้งสัปดาห์ถูกกดดันจากกระแสการคาดการณ์ว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC รอบถัดไปในเดือนก.ย. 
 
 
• ในวันศุกร์ที่ 26 ก.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.28 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 ก.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 ก.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 20,442 ล้านบาท และ 85.5 ล้านบาท ตามลำดับ 
 
• สัปดาห์ถัดไป (29 ก.ค.-2 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.85-36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC (30-31 ก.ค.) BOJ (30-31 ก.ค.) และ BOE (1 ส.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิ.ย. ของธปท. และประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ข้อมูลจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี ISM และ PMI ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
 
• ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ แต่ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ 
 
หุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์และหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์ จากความกังวลเรื่องแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 หลังกลุ่มแบงก์ที่เพิ่งรายงานผลประกอบการเสร็จสิ้นไปมีการตั้งสำรองฯ ในระดับที่ค่อนข้างสูง รวมถึงกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง นอกจากนี้ ประเด็นการเมืองในประเทศที่ยังคงต้องติดตามต่อเนื่อง และการปรับตัวลงของหุ้นภูมิภาคตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ ก็เป็นปัจจัยที่กดดันหุ้นไทยในระหว่างสัปดาห์ด้วยเช่นกัน 
 
 
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน โดยกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางหุ้นภูมิภาคที่ดีดตัวขึ้น ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้โดยกระทรวงการคลัง (จาก 2.4% เป็น 2.7%) 
 
• ในวันศุกร์ที่ 26 ก.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,307.21 จุด ลดลง 0.75% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,084.27 ล้านบาท ลดลง 9.25% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.56% มาปิดที่ระดับ 328.18 จุด
 
• สัปดาห์ถัดไป (29 ก.ค.-2 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,290 และ 1,280 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,315 และ 1,325 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30-31 ก.ค.) ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ จีดีพีไตรมาส 2/2567 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ก.ค. 2567 เวลา : 21:01:47
08-09-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 8, 2024, 6:53 am