เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. สร้างปัจจัยบวกต่อ SET หนุนขึ้นทดสอบกรอบบนเดิมบริเวณแนวต้าน 1330 และ 1335 จุด ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ให้ระวังแรงขายจากบริเวณดังกล่าว โดยคาดดัชนีขึ้นสะท้อนระดับหนึ่งแล้ว และภาวะ overbought ทางเทคนิค ทำให้กรอบบนเริ่มจำกัด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1315 และ 1310 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• FED มีมติคง ดบ. ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ด้าน ปธ. Fed ส่งสัญญาณปรับลด ดบ. ในเดือน ก.ย. ส่วน BOJ ปรับขึ้น ดบ. สู่ 0.25% และลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนสู่ 3 ล้านล้านเยนภายในปี 2559
• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 1.22 แสนตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. และต่ำกว่าตลาดคาด
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด
• วันนี้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉินหลังการลอบสังหารผู้นำการเมืองกลุ่มฮามาสวานนี้ในอิหร่าน สร้างความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดใน ตอ. กลางอาจลุกลามส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันใน ตอ. กลาง
• สศอ. รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม มิ.ย.67 หดตัว 1.71%YoY อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.41% เนื่องจากขาดกำลังซื้อใน ปท. หนี้ครัวเรือนสูง ดบ. อยู่ในระดับสูง ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และสินค้านำเข้าจาก ตปท. ทะลักเข้าไทย
• ธปท. ระบุเดือน มิ.ย. มีการชะลอลงของ ศก. ตามการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ชะลอลง โดย นทท. ต่างชาติ มิ.ย. หดตัวลง 4.4%MoM ขณะที่มูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำลดลง 0.7%MoM
• คลังระบุปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นเรื่องหลักของ ศก. ไทย เร่งแก้หนี้รถยนต์-บัตรเครดิต โดย ธปท.จะพิจารณาลดการผ่อนหนี้บัตรเครดิตลงเหลือ 5% เพื่อช่วยแก้หนี้เสีย
• วันนี้เริ่มเปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลสำหรับผู้มีสมาร์ตโฟนเป็นวันแรก ขณะที่จะเริ่มเปิดลงทะเบียนผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน 16 ก.ย. ด้าน ธปท. คาดช่วยกระตุ้น GDP ปีนี้ 0.3%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ลุ้นรีบาวด์ได้แต่ยังมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอติดตามประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดว่ามีโอกาสรีบาวด์ได้หลังสัปดาห์ก่อนมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา ส่วนนโยบายการเงินของ FED และ BoE คาดยังมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยเช่นเดิม และต้องติดตามผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่ยังจะออกมาซึ่งคาดแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยลุ้นรีบาวด์แต่ยังมี Upside จำกัด ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยในประเทศและติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU CPF TRUE AMATA
2) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM MINT AOT
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
PTTGC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในฐานะผู้ผลิตปิโตรเคมีจากก๊าซซึ่งต้นทุนต่ำกว่า อีกทั้งคาดหวังจีนออกมาตรการกระตุ้น ศก. หนุนแนวโน้มอุปสงค์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2H67 คาดกำไรปกติดีขึ้น HoH จาก GRM ฟื้น และ valuation ไม่แพง (PBV 67F ที่ 0.4 เท่า) แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 27.50 บ.
HANA มองผลการดำเนินงาน 2Q67 ฟื้นตัว และฟื้นตัวเด่น 2H67 จากวงจรเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้ และผลกระทบจำกัดจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ แนะนำเข้าซื้อวันนี้ราคาไม่เกิน 47 บ.
ข่าวเด่น