การตลาด
Scoop : กรณีศึกษา "โฆษณา Apple" กับความล้มเหลวทางการตลาด ที่ไม่ใส่ใจบริบทของลูกค้า "คนไทย"


 

ในการสร้าง Content เพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา หรือสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อถักทอความสัมพันธ์อันดีให้พวกเขารู้สึกชื่นชอบ เปลี่ยนสถานะกลายมาเป็นลูกค้า และเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Loyal Customer) นั้น การทำการตลาดของแบรนด์ จำเป็นต้องมีการสื่อสารอย่างตรงจุดว่า สินค้าและบริการของเราเข้าไปตอบสนองความต้องการ หรือเข้าไปแก้ไขปัญหา Paint Point ของลูกค้าได้อย่างไร และนอกจากตัว Content ที่ต้องให้ความสำคัญแล้วนั้น ในส่วนของบริบท หรือ Context ก็เป็นอีกส่วนประกอบที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากแบรนด์ไม่คำนึงถึงบริบทรอบ ๆ ด้านของกลุ่มเป้าหมาย ก็อาจจะสร้างผลกระทบเชิงลบที่รุนแรง จนเกิดการต่อต้านแบรนด์ได้ อย่างประเด็นโฆษณา The Underdogs ของ Apple ที่มาถ่ายทำในไทย ได้เกิดการดราม่า และกระแสต่อต้านสินค้า Apple จนแบรนด์ต้องออกมาขอโทษและลบโฆษณาดังกล่าวทิ้ง
 
ในด้านบริบททางการตลาด หมายถึง การที่เราต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่จะสื่อสารด้วยว่า พวกเขาคือใคร มีความคาดหวัง ความเชื่อ วัฒนธรรมอย่างไร หรือก็คือการศึกษาพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมในขณะปัจจุบัน เพื่อนำ Data เหล่านั้น มาร่วมพัฒนาเป็นคอนเทนต์ก่อนสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งข้อดีของการคำนึงบริบทรอบด้าน นอกจากจะทำให้การสื่อสารส่งออกไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการอุดช่องโหว่ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาพลักษณ์ทางลบ และมูลค่าของแบรนด์ที่ลดลงได้
 

แต่ทางด้านของ Apple ที่ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ The Underdogs ซึ่งเกี่ยวกับการเดินทางมาเที่ยวยังประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยตัวของโฆษณา มีการนำเสนอเนื้อหาภาพลักษณ์ประเทศไทยที่เรียกได้ว่า ผิดแปลกไปจากปัจจุบัน เสมือนกับการเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วมากกว่า ทั้งฉากสนามบินที่เบียดเสียดกันแออัด ฉากรถแท็กซี่ อาคารบ้านเรือนเก่า ๆ หรือฉากที่พักทรุดโทรมเหมือนสมัยยุค 80 ที่ไม่มีแม้กระทั่งแอร์ นอกจากนี้ ตลอดคลิปวีดีโอ ยังมีการย้อมโทนสีภาพเป็นโทนเหลือง Yellow Filter ซึ่งเป็นโทนสีในงานกำกับภาพยนต์ ที่ Hollywood มักจะใช้เวลาไปถ่ายทำยังประเทศที่ไม่พัฒนา หรือประเทศโลกที่ 3  เช่น Mexico ทางฝั่ง Latin America และภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งทางฝั่งของงานภาพยนตร์เกาหลีใต้ ก็มีการใช้โทนสีเหลืองต้นแบบดังกล่าวกับประเทศไทยเช่นกัน จนเกิดเป็นประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลของไทยมาแล้ว


การถ่ายทอดด้วยโทนภาพย้อมสีดังกล่าว จัดได้ว่าเป็น Sepia Stereotype ที่สร้างภาพจำแบบเหมารวมกับประเทศที่ด้อยกว่าตัวเอง (ในแง่เศรษฐกิจ) ซึ่งการผลิตซ้ำภาพลักษณ์แบบนี้กับประเทศไทย ที่เป็นประเด็นอ่อนไหวอยู่แล้ว กับการรับรู้ของคนต่างชาติที่มักจะมีความเข้าใจผิดแปลกไปจากประเทศไทยในทุกวันนี้ และยิ่งแบรนด์ Apple มาจากทางฝั่งโลกตะวันตก หรือกลุ่มคนขาว ซึ่งมีประเด็นอ่อนไหวด้านการเหยียดเชื้อชาติ จึงยิ่งเป็นการสุมไฟให้เกิดการลุกฮือในกระแสโซเชียลของคนไทย ที่ได้ออกมาประณามโฆษณาดังกล่าว ไปจนถึงเกิดการต่อต้านไม่ใช้สินค้า จน Apple ต้องยุติการเผยแพร่ และออกแถลงการณ์ขอโทษล่าสุดว่า
 
"สืบเนื่องจากซีรีส์โฆษณา “The Underdogs” ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นที่ 5 ในซีรีส์นี้ ทางเรามีการทำงานใกล้ชิดร่วมกับบริษัทในประเทศไทยเพื่อดำเนินการสร้างและผลิตชิ้นงานโฆษณาซึ่งได้ทำการถ่ายทำในประเทศไทย ทั้งนี้เรามุ่งหวังและมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองความคิดในแง่ดีของประเทศไทย และเราขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ณ ตอนนี้ ทางเราได้ดำเนินการยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวแล้ว”
 

จากกรณีศึกษาตรงนี้ เห็นได้ถึงความสำคัญของบริบททางการตลาด ที่ต้องมีการศึกษาข้อมูลรอบตัวของกลุ่มเป้าหมายให้ดี ก่อนจะสร้างสรรค์ Content อะไรออกไป เพราะแม้ทาง Apple จะมีจุดประสงค์ว่า อยากจะชูจุดเด่นของสินค้า Apple ว่าสามารถใช้งานได้สะดวกทั่วโลก แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งเป็นธีมหลักของซีรีส์โฆษณา The Underdogs ตั้งแต่ตอนแรก ที่ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นแนว Parody โดยตัวละครหลักพวกนี้จะต้องเผชิญกับเรื่องวุ่น ๆ ซ้ำซ้อน แต่การแตะประเด็นอ่อนไหวดังกล่าวที่แบรนด์ไม่ได้ตั้งใจ ก็อาจทำให้ขำไม่ออก และเกิดภาพลักษณ์ทางลบตามมา
 
ส่วนประเด็นว่าต่อไป Apple จะยังมาลงทุนในไทยต่อหรือไม่ เพราะเกิดกระแสต่อต้านสินค้าในไทยแล้ว ก็อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เพราะในประเทศไทยมีนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นรวมแล้วกว่า 300,000 คน  สูงเป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้ง Apple เคยมีการประกาศว่าอาจตั้งสถาบัน Apple Developer Academy ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเฟ้นหาบุคลากรด้านเทคโนโลยี ดังนั้นก็คงต้องรอดูว่าทางแบรนด์จะมีการแก้ไขปัญหา Risk Management กับกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างไรต่อไป เพื่อเรียกความชื่นชอบให้กลับมาเหมือนเดิม

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ส.ค. 2567 เวลา : 20:52:49
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 7:50 am