เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน หลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด ท่ามกลางอุปสงค์จีนอ่อนแอ"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 77-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (5 ส.ค.-9 ส.ค. 67) 
 
ราคาน้ำมันดิบผันผวนต่อเนื่อง หลังสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง อาจลุกลามเป็นวงกว้าง ขณะที่ FED คาดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน ก.ย. 67 นอกจากนี้กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ จัดซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพื่อเติมคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันจีนในครึ่งหลังของปี 67 คาดจะลดลงจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนัก ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอ่อนแอ

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีความรุนแรงมากขึ้น และอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังล่าสุดนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาสถูกอิสราเอลสังหารในอิหร่าน เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา หลังอิสราเอลได้เข้าโจมตีกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 โดยการโจมตีมุ่งเป้าสังหารผู้บัญชาการของกลุ่ม Hezbollah ที่นำทีมปฏิบัติการโจมตีสนามฟุตบอลในเมือง Majdal Shams เขตที่ราบสูง Golan ที่อิสราเอลผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อ 27 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา

กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ (Department of Energy: DOE) จัดซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เพื่อเติมคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ปริมาณรวม 4.65 ล้านบาร์เรล โดยรับมอบที่คลัง Bayou Choctaw ในรัฐ Louisiana ในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค. 67 ทั้งนี้ ปัจจุบัน DOE ได้ซื้อน้ำมันดิบคืนเข้า SPR รวมอยู่ที่ 43.25 ล้านบาร์เรล ด้วยราคาเฉลี่ย 77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล จากที่ขายออกไปในปี 2565 ที่ระดับ 180 ล้านบาร์เรล
 
อุปสงค์ทั่วโลกยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจจากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบอันดับหนึ่งของโลก คาดว่าการกลั่นน้ำมันของจีนในครึ่งหลังของปี 67 จะลดลง 0.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากความต้องใช้น้ำมันในประเทศที่ลดลง นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจีนลดลงสู่ระดับ 49.8 เดือน ก.ค. 67 ต่ำกว่าเดือน มิ.ย. 67 ที่ระดับ 51.8 โดยต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ต.ค. 66 และต่ำกว่านักวิเคราะห์ที่คาดไว้ที่ระดับ 51.5
 
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยผลสำรวจตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร (Job Openings and Labor Turnover Survey: JOLTS) ในเดือน มิ.ย. 67 ลดลง 50,000 ตำแหน่ง เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือน พ.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 8.18 ล้านตำแหน่ง ทั้งนี้ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มใกล้เคียงที่ระดับ 2% ตามเป้าหมายในระยะยาว อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าช่วงเดือน ก.ย. 67 เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ แม้ล่าสุด ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ระดับ 5.25-5.50% เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 67 ก็ตาม
 
การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ส.ค. 67 ตลาดยังคงคาดว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายต่อแผนการผ่อนคลายการลดกำลังการผลิตที่จะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 67 เป็นต้นไป ขณะที่หลายประเทศในกลุ่ม เช่น รัสเซีย อิรัค คาซัคสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน เตรียมปรับลดการผลิตให้ Compliance มากขึ้นในช่วงปี 68
 
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือน ก.ค. 67 ตัวเลขนำเข้าและส่งออก เดือน มิ.ย. 67 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือน ก.ค. 67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ก.ค. 67 และตัวเลขนำเข้าและส่งออก เดือน ก.ค. 67

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (29 ก.ค.-2 ส.ค. 67)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 73.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 4.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 76.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 79.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ โดยล่าสุดจีนคาดค่าการกลั่นน้ำมันในครึ่งหลังของปีจะลดลง จากความต้องใช้น้ำมันในประเทศที่ลดลง รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจีนลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 50 เดือน ก.ค. 67 โดยต่ำกว่านักวิเคราะห์ที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางมีความรุนแรงมากขึ้น หลังผู้นำฮามาสได้ถูกลอบสังหาร ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดน้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตึวขึ้น หลังสหรัฐฯ อาจมีมาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลาที่เข้มงวดขึ้น ภายหลังผลการเลือกตั้งของเวเนซุเอลาบ่งชี้ว่า นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเวเนซุเอลา ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย โดยผลการเลือกตั้งดังกล่าวขัดแย้งกับเอ็กซิตโพล (Exit Poll) นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ค. 67 ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 433 ล้านบาร์เรล ลดลงอย่างต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ และเป็นระยะเวลานานที่สุดตั้งแต่ ม.ค. 64
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ส.ค. 2567 เวลา : 12:16:46
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 9:14 am