คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนภายในกรอบ โดยกรอบล่างอยู่ที่บริเวณแนวรับ 1270 และ 1260 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนอยู่ที่บริเวณแนวต้าน 1285 และ 1290 จุด ตามลำดับ โดยนักลงทุนในตลาด รอติดตามปัจจัยการเมือง สำหรับผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ภาพรวมแนวโน้มราคายังไม่มีสัญญาณกลับตัว
ประเด็นสำคัญ
• จนท. Fed หลายรายไม่เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดนั้นหมายถึง ศก. กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะเดียวกันยังหนุนให้ คกก. Fed เริ่มลด ดบ. เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ดังกล่าว
• EIA ระบุสต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกลดลงราว 4 แสนบาร์เรล/วันใน 1H67 และคาดสต็อกน้ำมันดิบจะปรับลง 8 แสนบาร์เรล/วันใน 2H67
• บ. เทคฯ ขนาดใหญ่ของจีน Huawei Baidu ต่างกักตุนชิป HBM จาก Samsung Electronics หลังคาดว่าสหรัฐจะจำกัดการส่งออกชิปไปจีน
• ครม. มีมติเห็นชอบจัดสรรงบฯ ปี 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ ให้ ททท. 433 ลบ. เพื่อจัดทำโครงการ Quick Win ส.ค.-ก.ย. 67
• ม. หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ต่ำที่สุดในรอบ 11 เดือน จากผู้บริโภคกังวลสถานการณ์การเมือง มาตรการกระตุ้น ศก. ที่ไม่ชัดเจน และราคาพลังงานที่สูง
• FETCO ระบุดัชนีความเชื่อมั่น นลท. 3 เดือนข้างหน้า อยู่ในเกณฑ์ซบเซา หลังความขัดแย้งระหว่าง ปท. นโยบายการเงิน Fed และ ศก. ใน ปท.ถดถอย หวังมาตรการกระตุ้น และการฟื้นตัวของ ศก. ไทย-ภาคท่องเที่ยวหนุน
• วันนี้ 15:00 น. ติดตามคำวินัจฉัยของ ศาล รธน. คดียุบพรรคก้าวไกลซึ่งถูกร้องโดย กกต. กรณีมีพฤติกรรมเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีมอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยจะปรับลงจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 2Q67 ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกำไรจะยังสามารถเติบโต YoY อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก ADVANC TU CPAXT BTG CBG BCP GPSC AU
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
3) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM AOT
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันลบ. เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT แนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ จากการเติบโตทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 56.50 บ.
BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติ 3.4 พันลบ. โต 11%YoY จากรายได้และ EBITDA Margin ขยายตัว แต่ลดลง 17%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปกติปี 2567 โต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นลบ. โดยกำไรจะแข็งแกร่งใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายบน PER 67F 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีต -2SD แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 26 บ.
ข่าวเด่น