(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบโลกตึงตัว โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสหรัฐฯ เตรียมส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีไปยังพื้นที่ตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมรับมือการโจมตีอิสราเอลโดยอิหร่านและพันธมิตร ทั้งนี้ หากมีการโจมตีเกิดขึ้น อาจทำให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบส่งออกราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
(+) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่าจะตอบโต้กลับ หลังยูเครนบุกโจมตีเมืองเคิร์สก์ของรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรัสเซียต้องอพยพประชาชนราว 11,000 คนออกจากเมือง ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนของยูเครน
(-) กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบหรือโอเปก (OPEC) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2567 จากการชะลอตัวด้านอุปสงค์น้ำมันในจีน โดยโอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567 ซึ่งปรับลดลง 135,000 บาร์เรลต่อวัน จากการคาดการณ์ในเดือน ก.ค. 2567
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคต้องหยุดดำเนินการกะทันหันหลายแห่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเบนซิน รวมถึงตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินของสิงคโปร์ที่ปรับลดลง 44.3% สู่ระดับ 3.1 แสนตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานของสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 5.64% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับ 11.99 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโรงกลั่นฯ ดันโกเต (Dangote) ในไนจีเรียที่ยังไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ตามแผน จากปัญหาปริมาณน้ำมันดิบภายในประเทศไม่เพียงพอ
ข่าวเด่น