คาด SET ปรับขึ้นได้ ด้วยปัจจัยหนุนการคาดการณ์ลดดอกดเบี้ยของเฟด หลัง PPI สหรัฐ ต่ำคาด ส่วนปัจจัยการเมือง วันนี้ ติดตามคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัตินายกฯ หากไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนอีกต่อ โดยดัชนีมีแนวต้านที่ 1310 และ 1315 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1290 และ 1285 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้เวลา 15.00 น. ติดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติว่าจะส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งหรือไม่
• กระทรวงการคลังเตรียมเปิดขายกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งแก่นักลงทุนทั่วไปมูลค่ารวมไม่เกิน 1.5 แสนลบ. เพิ่มแรงจูงใจการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ คาดขายหน่วยลงทุนได้ในเดือนก.ย. 67 และนำเข้าจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลท. ใน 3Q67 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยดัชนี PPI ก.ค. ปรับขึ้น 2.2%YoY ส่วนดัชนี Core PPI ก.ค. ปรับขึ้น 2.4%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด บ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง
• IEA คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันจะเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในปีหน้า จากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ แคนาดา บราซิล และกายอานา แม้ว่าโอเปกยังคงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
• รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยล่าสุดประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 ส.ค. 67 ทั้งสิ้นราว 21.8 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วราว 1 ล้านลบ. โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซียคน
• MSCI ได้เผยรายชื่อหุ้นเข้าออกดัชนีรอบเดือนส.ค. โดย MSCI Global Standard Index มีหุ้นถูกปรับออก 4 หุ้น AWC EA GPSC และ IVL และไม่มีหุ้นถูกปรับเข้า ส่วน MSCI Global Small Cap Index มีหุ้นถูกปรับเข้า 4 หุ้น และปรับออก 13 หุ้น มีผล ณ เวลาปิดตลาดวันที่ 30 ส.ค.
• ThaiBMA เผยตลาดหุ้นกู้กลับมาซบเซาอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเนื่องจากเหตุการณ์ EA ขอเลื่อนชำระหุ้นกู้ และพบว่าหุ้นกู้ต่ำกว่า BBB- ขายได้ยากขึ้นและได้ไม่ครบวงเงิน ขณะที่หุ้นกู้เกรดลงทุนคงสามารถขายได้ครบวงเงิน แต่จะใช้เวลาขายนานขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศจากศาล รธน. เตรียมตัดสินคดีคุณสมบัติของนายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค. และการเข้าสู่โค้งสุดท้ายการประกาศงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ขณะที่ปัจจัยภายนอก อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ค. ของสหรัฐที่คาดจะลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ของจีนที่อ่อนแอ มองว่าได้สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วในระดับหนึ่งจากการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหากปัจจัยการเมืองชัดเจนขึ้น (มองกรณีไม่ขาดคุณสมบัตินายกฯ คาด SET ฟื้นกลับไป 1330 จุด แต่หากขาดคุณสมบัติคาด SET มีโอกาสลงไปทดสอบ 1250 จุด) และคาดจะเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศจากศาล รธน. เตรียมตัดสินคดีคุณสมบัติของนายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค. และการเข้าสู่โค้งสุดท้ายการประกาศงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ขณะที่ปัจจัยภายนอก อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ค. ของสหรัฐที่คาดจะลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ของจีนที่อ่อนแอ มองว่าได้สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วในระดับหนึ่งจากการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหากปัจจัยการเมืองชัดเจนขึ้น (มองกรณีไม่ขาดคุณสมบัตินายกฯ คาด SET ฟื้นกลับไป 1330 จุด แต่หากขาดคุณสมบัติคาด SET มีโอกาสลงไปทดสอบ 1250 จุด) และคาดจะเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
DAILY TOP PICKS
KCE: 2Q67 มีกำไรปกติ 531 ลบ. เพิ่มขึ้น 26.1%QoQ และ 65.8%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ขณะที่คาดกำไรยังจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากความต้องการ PCB ที่ยังแข็งแกร่งและการคุมต้นทุนต่อเนื่อง ซึ่งคาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นไปถึง 4Q67 ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลงวด 1H67 ที่ 0.6 บาท (XD 26 ส.ค.) คิดเป็น Div. yield 1.5% ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อไม่เกิน 39.50 บาท
CPALL: 2Q67 มีกำไรปกติ 6.2 พันลบ. เติบโต 34%YoY จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 2H67 คาดกำไรมีแนวโน้มที่จะเติบโต YoY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยเกิดจากการเติบโตที่แข็งแกร่งจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT อีกทั้งยังเป็น Proxy ของกลุ่มพาณิชย์ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ข่าวเด่น