ที่ผ่านมา ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ได้มุ่งสนับสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทุก ขนาดธุรกิจ ให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมการส่งออก ผ่านการเสริมสภาพคล่อง ลดภาระต้นทุนทางการเงิน และให้ความช่วยเหลือในมิติอื่น ๆ ด้วยนวัตกรรมและบริการอย่างครอบคลุม โดยในปี 2567 นี้ ทาง EXIM BANK ก็ยังยึดถือเป้าหมายหลักที่จะยังคงผลักดันขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้ไกลออกไป พร้อมเป็นกลไกหลักที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมฮาลาลในเดือน ก.ย. และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสีเขียว หรือ Green Hospitality ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
EXIM BANK เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมฮาลาล
ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดสินค้าฮาลาลมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นกว่า 40% จาก 1.62 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไปถึง 2.29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของประชากรชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันนี้มีชาวมุสลิมเกือบ 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลกเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ และเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลกรวมถึงผู้ประกอบการชาวไทยอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฮาลาล ไม่ได้มีอย่างเฉพาะเจาะจง มีเพียงธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ibank เท่านั้น ที่ออกสินเชื่อให้กับชาวมุสลิม ผนวกกับประเทศลูกค้าของผู้ประกอบการชาวไทย อย่างทางฝั่งยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกา ในตอนนี้ยังเผชิญเข้ากับปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาทางกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้ตลาดหลักเติบโตไม่ถึง 2% ขณะที่ตลาดฮาลาลมีการเติบโตกว่า 5%
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบเกี่ยวกับการตีตลาดฮาลาลอยู่หลายประการ ทั้งเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมทั่วโลก (ในกลุ่มประเทศ Non-OIC) ที่สนใจสินค้าอาหารและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทยเป็นอย่างมาก อีกทั้งไทยยังมีผลผลิตทางการเกษตร ที่จัดเป็นอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ (Natural Halal) เช่น ผัก และผลไม้ อยู่มากอีกด้วย ทาง EXIM BANK ได้มองเห็นถึงโอกาสตรงนี้ จึงได้ตั้งเป้าสร้างผู้ส่งออกสินค้าฮาลาลของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรรวม14 หน่วยงาน เช่น สํานักจุฬาราชมนตรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ibank และจะมีการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดในไทย ที่จะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลสู่การส่งออก” ภายในงาน WORLD HAPEX 2024 จังหวัดสงขลา โดยเป็นการสร้างเสริม Ecosystem ของอุตสาหกรรมฮาลาลโดยรวมในไทย ให้ผู้ประกอบการในไทยสามารถผลิตสินค้าฮาลาล และส่งออกไปแข่งขันในตลาดสินค้าฮาลาลได้อย่างประสบความสำเร็จ ผ่านการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน รวมถึงเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยทาง EXIM BANK จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการทั้งชาวมุสลิม และผู้ประกอบการชาวไทยทั่วไปในศาสนาอื่น ๆ ที่เป็นผู้ส่งออกและผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ให้สามารถสมัครขอรับบริการด้านสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่เกิดจากการร่วมมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยสำหรับฝั่ง EXIM BANK จะประกอบด้วย สินเชื่อเอ็กซิมเริ่มต้นส่งออก ดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.35% ต่อปี (Prime Rate - 1%) วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยปีแรก 0.25% ต่อปี สินเชื่อ EXIM Green Start ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.10% ต่อปี(Prime Rate - 2.25%) วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0.25% ต่อปี และสินเชื่อเอ็กซิมเติมทุนส่งออก ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี วงเงินสูงสุดสำหรับ SMEs 20 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0.25% ต่อปี รวมถึงยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า สินเชื่อเพื่อธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.85% ต่อปี วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท และกรมธรรม์ประกันส่งออก EXIM for Small Biz เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ฟรี! ค่าเบี้ยประกัน 1 ราย มูลค่า 1,800 บาท สำหรับการรับประกันวงเงินผู้ซื้อ 0.30 ล้านบาท ด้วยเทอมการชำระเงิน 90 วัน หรือรับส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อตามเงื่อนไขของธนาคาร และกรณีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าฮาลาลจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม Voucher มูลค่าสูงสุด 2,000 บาท เพื่อเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันบริการประกันการส่งออก EXIM for Small Biz สำหรับการทำประกันผู้ซื้อรายที่ 2 หรือส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อ จำนวน 1 ราย
การออกสินเชื่อพิเศษครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในไทยให้มีทุนหมุนเวียนและสามารถขยายการลงทุนในตลาดสินค้าฮาลาลได้ นับเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการไปยังตลาดใหม่ในฝั่งตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝั่งเอเชียใต้ อย่างตุรกี หรือในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าอาหารฮาลาลในกลุ่ม OIC รายใหญ่ของโลก
“ผลประกอบการของ EXIM BANK มีเป้าหมายที่จะอยู่อย่างยั่งยืน โดยเรามุ่งการดูแลลูกค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ผู้ประกอบการเผชิญเข้ากับความท้าทาย ทั้งการโดน Disrupt จากอุตสาหกรรมที่มันเปลี่ยนไป หรือประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ในตลาดส่งออกหลัก ที่ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า นอกจากเราจะปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าที่อยู่ในพอร์ต ทั้งการลดหนี้ หรือผ่อนหนี้ให้มีระยะเวลายาวขึ้น ก็อยากเชิญชวนให้เขามองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งเราอยากผลักดันให้เขาไปยังตลาดที่ไม่คุ้นชิน อย่างตลาดฮาลาล เพราะประเทศส่งออกที่คุ้นชินตอนนี้กำลังซื้อลดลง ซึ่งก็คาดว่าการผลักดันไปตลาดใหม่จะทำให้ยอดประกันภัยเพื่อการส่งออกแตะ 2 แสนล้านสิ้นปีนี้ จากปัจจุบัน ช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา มียอดการประกันภัยเพื่อการส่งออกปี 2567 ทะลุยอด 1 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ยอดเคลมประกันภัยยังต่ำกว่าระดับ 35% ซึ่งจะยังคงรักษาระดับที่ 35% นี้ต่อไป“ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าว
นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 EXIM BANK ยังมีแผนการออกสินเชื่อที่เน้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวที่เป็นเส้นเลือดหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมุ่งสนับสนุนธุรกิจภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น โรงแรมที่ได้ Green Certificates การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และยั่งยืน ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีการรีไซเคิลขยะ หรือใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นรีไซเคิล นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนภาคการขนส่งนักท่องเที่ยว ที่ใช้รถ EV หรือพลังงานสะอาดด้วย โดยคาดว่า วงเงินที่ปล่อยกู้จากทั้ง Green Bond และ Blue Bond ของธนาคาร รวมทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดร.รักษ์ ได้เสนอแนะเพิ่มเติมถึงกลุ่มสินค้าที่เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยว่า “ผู้ประกอบการไทยที่จะลงสนามการส่งออก อย่าไปแข่งกับคนที่เขาอยู่ในสนามมายาวนาน เพราะต้นทุนเราสู้ไม่ได้ ควรเอาภูมิปัญญา อัตลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งเป็นจุดเด่นมาเป็นส่วนประกอบในการผลิต เช่นในตอนนี้ ประเทศไทยเป็น Medical Hub ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก อุปกรณ์ทางการแพทย์ของไทยมีการเติบโตขึ้นมาเป็น Top 10 และมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะฉะนั้นการขยายอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องมาจากอุตสาหกรรมการแพทย์ก็เป็นอีก 1 โอกาสสำคัญที่คนไทยจะสามารถแข่งขันได้ในตลาดส่งออก”
ข่าวเด่น