คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ จากแรงกดดันของกลุ่มพลังงาน ตามแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐหลังราคาน้ำมันปรับลงทำจุดต่ำรอบ 2 สัปดาห์ และคาดแรงซื้อในตลาดจะชะลอลง เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามการประชุม Jackson Hole ของเฟดในวันศุกร์นี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1310 และ 1300 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1335 จุด ประเด็นวันนี้ ติดตามประชุม กนง.
ประเด็นสำคัญ
• รมว. ตปท. สหรัฐระบุนายกฯ อิสราเอลยอมรับข้อเสนอการทำข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาแล้ว ซึ่งลดความเสี่ยงที่อุปทานน้ำมันใน ตอ. กลางจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียด
• วันนี้จับตาการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ซึ่งตลาดคาดจะมีมติคง ดบ. นโยบายไว้ที่ 2.50%
• จับตาการจัดตั้ง ครม. และนโยบายของรัฐบาลใหม่ ขณะที่ความเห็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ระบุเงินดิจิทัลวอลเล็ตต้องไม่ขัดกับกฎหมาย ไม่ขัดแย้ง ส่วนการเปลี่ยนเป็นแจกเงินสดมีข้อดีที่เร็วแต่อาจกระตุ้น ศก. ไม่เต็มที่
• พาณิชย์ระบุ ขณะนี้หลาย ปท. เพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีมากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้านำเข้าจากจีนออกไปลงทุนใน ปท. ต่างๆ และส่งออกไปสหรัฐ รวมถึงไทยด้วย
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุวันที่ 12-18 ส.ค. 67 จำนวน นทท. ต่างชาติมาไทยทั้งกลุ่มตลาดระยะใกล้ลดลง 9.97%WoW และกลุ่มตลาดระยะไกลลดลง 9.49%WoW จากสิ้นสุดวันหยุดในหลาย ปท. ส่วนวันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 67 มียอด นทท. ต่างชาติรวม 22.47 ล้านคน
• เครดิตบูโรระบุภาพรวมธุรกิจ SMEs พบรายเล็กที่เป็น SMEs นิติบุคคลมีปัญหาชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดย 2Q67 เป็นหนี้เสีย 3.1 หมื่นธุรกิจ และค้างชำระหนี้อีก 3.4 หมื่นราย รวมทั้งสองกลุ่มเกือบ 7 หมื่นธุรกิจที่มีปัญหา
• PTT ปรับแผนกลยุทธ์ 5 ปี สั่งทุกหน่วยธุรกิจทำแผนลงทุนคาดแล้วเสร็จปลายปีนี้ เตรียมขายสินทรัพย์ไม่ทำกำไร ลดการถือหุ้นในธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น เปิดโอกาสพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นทั้ง TOP-PTTGC-IRPC ขณะที่ธุรกิจจุดชาร์จ EV ยังไปต่อหลังทำกำไรต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการบริหารประเทศ อย่างไรก็ดีประเมินจุดตั้งรับสำหรับการเข้าซื้อจะอยู่ที่บริเวณ 1280 จุด ขณะที่ตัวเลข PMI ส.ค. ของอียูและสหรัฐที่จะประกาศออกมาคาดยังอ่อนแอซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมองถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด สอดคล้องกับรายงานการประชุมเฟด ส่วนสัปดาห์นี้การประชุม กนง. คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% และตลาดคาด GDP 2Q67 ของไทยจะขยายตัว 2.4%YoY (เราคาด 2.1%) เร่งขึ้นจาก 1Q67 ที่ขยายตัว 1.5% กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
แม้มอง SET จะผันผวนระหว่างรอจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจ แต่ยังคาดหวังตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจาก Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้นและสุญญากาศการเมืองที่สั้นลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF TU BTG BDMS TRUE BEM
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต แนะนำหุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น เลือก BCP (คาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลคิดเป็น Div. Yield 2%) และ TU (ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.31 บ./หุ้น คิดเป็น Div. Yield ราว 2%)
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT BDMS BBL CPALL KTB GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPAXT 3Q67 คาดกำไรโตต่อเนื่อง YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้น แต่จะทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ดีคาดจะสามารถทำระดับสูงสุดของปีใน 4Q67 จากเข้าสู่ High Season ของการจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งมองมี Upside Risk จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่
CKP ช่วงสั้นมองได้ประโยชน์จาก Bond Yield ที่ปรับลง และโมเมนตัมกำไร 3Q67 ยังดีต่อเนื่องจากเป็นฤดูฝน ปริมาณน้ำสำหรับการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะสูงสุดในรอบปี ล่าสุดปริมาณการผลิตไฟฟ้าและปริมาณน้ำไหลเข้า ก.ค. เพิ่มขึ้น YoY ทั้งเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนน้ำงึม 2 แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 3.82 บ.
ข่าวเด่น