AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ นับเป็นนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทกับแทบจะทุกภาคส่วน รวมไปถึงภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงิน ที่ AI มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเข้ามาปรับปรุงพัฒนาการตัดสินใจทางการเงิน อีกทั้งยังทำให้เกิด Solution ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามากขึ้น ไล่ไปตั้งแต่ Chatbots ที่ช่วยตอบคำถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการใช้ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ช่วยลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ การตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ ไปจนถึงการทำงานแบบอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น การประเมินสินเชื่อที่รวดเร็วและแม่นยำ
ด้วยความสามารถของ AI ที่สามารถวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลได้ นับเป็นจุดแข็งของ AI ที่เปรียบเสมือนมองเห็นลูกค้าเป็น “ศูนย์กลาง” จึงสามารถเข้าไปแก้ปัญหา และตอบโจทย์ Pain Point ต่าง ๆ ของลูกค้าได้ตรงจุด เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ตรงใจ อีกทั้งยังสามารถคาดคะเนพฤติกรรมและแนวโน้มในอนาคตจากฐานข้อมูลที่มี เช่น คาดการณ์การใช้จ่ายของลูกค้า หรือคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้น เป็นต้น ซึ่งด้วยความสามารถนี้เอง ทำให้สถาบันการเงิน กลายเป็นธุรกิจแถวหน้าที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาในกระบวนการทำงานหลากหลายมิติ ด้วยจุดเด่นที่ช่วยให้ธนาคารสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งให้บริการที่มีคุณภาพสูงและเป็นส่วนตัวมากขึ้นกับลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ตุลย์ โรจน์เสรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
โดยในทุกวันนี้ ภาคธุรกิจธนาคารของไทย ได้มุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชั่นต่างๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ตอบโจทย์และเข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลายมากขึ้น ดังเช่น ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ได้นำเสนอโซลูชั่นทางการเงินด้วย AI ในงานประชุมสุดยอดด้านเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Techsauce Global Summit 2024 โดย คุณตุลย์ โรจน์เสรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “AI at the Core: Reimagining Financial Services for Inclusion” โดยมองเห็นความสำคัญของเรื่อง Statement กับกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพอิสระ เพราะคนไทยกว่า 70 ล้านคน มีเพียงเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยเท่านั้นที่รับเงินเดือนและเป็นพนักงานประจำ หลายคนที่มีอาชีพไม่ได้อยู่ในระบบ ทางธนาคารต้องมีการให้บริการที่ดีขึ้นกับคนที่ไม่ได้มีเงินเดือนและไม่ได้เป็นพนักงานประจำ
“โดยทั่วไปแล้วในตอนทำธุรกรรม ธนาคารจะมองหาและขอรายการเดินบัญชี ใบแจ้งยอดเงินเดือน หรือมีจดหมายจากนายจ้าง แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยน และมองหาข้อมูลทางเลือกหรือวิธีการประเมินแบบอื่น ด้วยการเข้าถึงจากความสามารถของ AI ในการวิเคราะห์เพื่ออนุมัติธุรกรรมหรือสินเชื่อให้กับคนเหล่านั้น ที่ไม่ได้มีรายรับประจำ จึงมั่นใจว่าเราจะสามารถทำอะไรได้อีกมากมายในอนาคต” คุณตุลย์ กล่าว
โดยทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังคงปักหมุดหลักพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยอย่าง AI เข้ามาทำให้ชีวิตของลูกค้าสะดวกสบายง่ายขึ้น ผ่านแนวคิด Technology for People มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เข้าใจพฤติกรรม และสามารถนำเสนอโปรดักส์อื่น ๆ เพิ่มเติมที่ตรงใจ ลูกค้าจะสามารถใช้บริการอื่น ๆ ของกรุงศรี ที่เหมาะสมกับความต้องการได้มากขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับทางกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ที่เคยประกาศวิสัยทัศน์ให้ความสำคัญเรื่อง Human First x AI First Transformation หรือการให้ความสำคัญเรื่องคน เป็นแกนหลักในการทำ Transformation ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา AI ที่จะผลักดันการบริการทางการเงินไปจนถึงการพัฒนาสังคมไทยให้ดีขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ ทางรัฐมนตรีชุดก่อน เคยได้ร่วมหารือกับทาง KBTG และ Mr. Andrew Ng คณะกรรมการบริหารบริษัท Amazon.com, Inc. ผู้ก่อตั้งบริษัท AI Fund มุ่งเน้นความร่วมมือในการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยในหลายภาคส่วน เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การศึกษาและสาธารณสุข เพื่อเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งต้องรอดูว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้นในช่วงเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ การเล็งใช้เทคโนโลยี AI ดังกล่าว จะรวมอยู่ใน 1 นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือไม่
ข่าวเด่น