คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัว ลดความร้อนแรง ในขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติคาดชะลอลง หลัง GDP สหรัฐ ใน Q2 สูงกว่าคาด หนุนดอลลาร์แข็งค่า ทำให้เงินบาทมีโอกาสกลับมาอ่อนค่า ด้านดัชนีมีแนวรับที่ 1350 และ 1345 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนในช่วงนี้ถูกจำกัดที่แนวต้าน 1366 และ 1372 จุด ตามลำดับ ประเด็นติดตามตัวเลข PCE สหรัฐ คืนนี้
ประเด็นสำคัญ
• รมช.คลัง เผยปรับเงื่อนไขแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยรอบแรกจะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนจำนวน 14 ล้านคนในก.ย. นี้ ซึ่งผู้มีสิทธิ์เดิมไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โดยผู้ได้รับสิทธิ์จัดอยู่ในหลักเกณฑ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
• กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เผยน้ำท่วมกระทบพื้นที่เกษตรแล้วกว่า 7 แสนไร่ ขณะที่หอการค้าไทยประเมินน้ำท่วมทำเศรษฐกิจเสียหาย 4-6 พันลบ. แนะรัฐเตรียมแผนรับมือลดความเสียหาย จับมือบริษัทรายใหญ่จัดมาตรการเยียวยาและลดภาระในพื้นที่น้ำท่วม
• BOI ชี้ช่องอุตสาหกรรม PCB โตก้าวกระโดด จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง แห่ลงทุนไทย พร้อม Upskill-Reskill บุคลากรรับมือ หนุนไทยฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลก
• สหรัฐฯ เผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP 2Q67 ขยายตัว 3.0% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.8% และสูงกว่าตลาดคาดที่ระดับ 2.8% หนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
• สศค. เผยภาวะเศรษฐกิจก.ค. ยังได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการส่งออกที่ขยายตัวได้ในระดับสูง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. ปรับลงสู่ 57.7 จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
• กระทรวงการคลังแต่งตั้ง 2 คณะกรรมการเพื่อบริหารพอร์ทหุ้นของกระทรวงการคลัง โดยมุ่งเน้นไปที่การขายหุ้นและการดูแลภาพรวมของพอร์ต ทั้งนี้คลังมีหุ้นนอก ตลท. ราว 25 บริษัท มูลค่ารวม 2 หมื่นลบ. ซึ่งจะถูกขายออกเนื่องจากไม่สร้างรายได้ให้แก่รัฐ
• MSCI ปรับหุ้นเข้าออกดัชนีรอบส.ค. 67 โดยจะมีผลวันนี้ ณ เวลาปิดตลาด ทั้งนี้ MSCI Global Standard Index ไม่มีหุ้นปรับเข้าเพิ่ม แต่ AWC EA GPSC และ IVL จะถูกปรับออก ส่วน MSCI Global Small Cap Index จะมีหุ้นปรับเข้า 4 หุ้น และถูกปรับออก 13 หุ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากคาดหวังความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อความชัดเจนของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลาย 3Q-4Q67 ส่วน Fund Flow มองว่ายังมีทิศทางไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแต่ไม่แรง เนื่องจากภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ดี มองเม็ดเงินลงทุนจะมีแนวโน้มไหลออกจากกลุ่มพลังงาน สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และการแพทย์ ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐคาดยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในระยะถัดไป และดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนคาดยังอ่อนแอ ซึ่งมองว่าตลาดรับรู้ไปแล้วในระดับนึง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะ Sideway Up จากคาดหวังรัฐบาลใหม่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วน Fund Flow มองยังมีทิศทางไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแต่ไม่แรง จากเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่อยู่ในภาวะ Oversold และ Undervalue เลือก SCGP BCH KCE PTTGC OSP ขณะที่ให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุนในระยะสั้นสำหรับหุ้นที่อยู่ในภาวะ Overbought อย่าง COM7 VGI TRUE ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากความคาดหวังรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP OSP CBG
3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC, TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SPALI SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF CKP)
4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM
DAILY TOP PICKS
KTB: มองจะได้อานิสงส์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐ และ 2H67 คาดกำไรยังเพิ่มขึ้น YoY หนุนให้ปี 2567 คาดกำไระเพิ่มขึ้น 11% จาก Credit Cost ที่ลดลง สินเชื่อที่กลับมาเติบโต NIM ที่ดีขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโต ขณะที่มีความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี Valuation ถูก PER 67F ที่ 6.3x (-2SD)
BCP: ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นหลังลิเบียระงับการผลิตและอิรักวางแผนปรับลดกำลังผลิต ขณะที่ 3Q67 คาดกำไรจะดีขึ้นจากค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งขึ้นและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วน Valuation ไม่แพง โดยมี PER 67F < 4 เท่า และ PBV 67F ที่ 0.6 เท่า (-1.5SD) อีกทั้งยังเป็นหุ้นปันผลดี โดยมีเงินปันผลจ่ายระหว่างกาล 0.6 บาท (XD 4 ก.ย.)
ข่าวเด่น